ปั้นช่างพันธุใหม่ใช้ระยองโมเดลตอบโจทย์
แม้ที่ผ่านมาสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) จะเข็นมาตรการต่างๆ
โดย...ชลธิชา ภัทรสิริวรกุล
แม้ที่ผ่านมาสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) จะเข็นมาตรการต่างๆ เพื่อจูงใจและปรับเปลี่ยนทัศนคติเด็กและผู้ปกครอง ให้สนใจเลือกเรียนอาชีวศึกษามากขึ้น รองรับความต้องการของตลาดแรงงานในภูมิภาคอาเซียน ทว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ว่าจะเพิ่มสัดส่วนผู้เรียนสายอาชีวะให้ขยับขึ้นอย่างน้อย 9% จากปัจจุบันที่มีสัดส่วนอยู่ที่ 36% ยังไม่กระเตื้อง
ชัยพฤกษ์ เสรีรักษ์ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา จึงพยายามเพิ่มสัดส่วนผู้เรียนสายอาชีวะเชิงรุกมากขึ้น ตั้งแต่การแนะแนวศึกษาต่อในระดับอาชีวศึกษา ที่จะร่วมมือกับสำนักงานการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) เพื่อแนะแนวตั้งแต่ชั้น ม.1 จากเดิมที่ทำในเทอมสุดท้ายของชั้น ม.3 รวมทั้งปรับกิจกรรมบางอย่าง เช่น จัดทัศนศึกษาในสถานประกอบการอุตสาหกรรมมากขึ้น หรือการสอนสายช่าง (ทักษะวิชาชีพ) เพื่อเป็นวิชาเลือกให้เด็กได้รู้ความชอบและความถนัดของตัวเอง จัดให้รุ่นพี่ที่ประสบความสำเร็จมาแนะแนวให้กับรุ่นน้อง รวมถึงประชาสัมพันธ์อย่างต่อเนื่องผ่านการจัดกิจกรรมอาชีวะอาสา เช่น ออกค่ายไปช่วยสร้างบ้าน หรือช่วยซ่อมเครื่องยนต์ ผู้ปกครองจะได้เห็นภาพว่าเด็กสายช่างสามารถทำงานได้จริง และปรับทัศนคติต่ออาชีวะ
สอศ.ยังมีแนวคิดยกระดับคุณภาพอาชีวศึกษา โดยจะนำมาตรฐานต่างประเทศมาปรับใช้ โดยเบื้องต้นมี 4 ประเทศที่อยู่ระหว่างการเจรจา เพื่อจัดทำมาตรฐานการศึกษาอาชีวะร่วมกัน ได้แก่ เยอรมนี ญี่ปุ่น จีน และสิงคโปร์ คาดว่าภายใน 3 ปีน่าจะเสร็จ รวมทั้งจะปฏิรูปการเรียนมาเน้นปฏิบัติมากขึ้น ด้วยการร่วมมือกับภาคเอกชน และล่าสุด สอศ.ได้เสนอให้พิจารณาลดช่องว่างเงินเดือนระหว่างเด็กสายอาชีวะกับปริญญาตรีให้แคบลง ซึ่งจะบรรจุในแผนปี 2558
น่าสนใจว่า จ.ระยอง ซึ่งเป็นแหล่งอุตสาหกรรมอันดับต้นๆ ของไทย และมีความต้องการแรงงานในระดับวิชาชีพเฉพาะทาง (สายช่าง) จำนวนมาก ก็เล็งเห็นถึงปัญหานี้เช่นกัน กลุ่มผู้ประกอบการในพื้นที่ “สมาคมเพื่อนชุมชน” จึงได้จัดงานแนะแนวและพัฒนาการศึกษาให้กับเยาวชนและผู้ปกครองในพื้นที่ จ.ระยอง
ชลณัฐ ญาณารณพ นายกสมาคมเพื่อนชุมชน กล่าวว่า แรงงานที่เป็นที่ต้องการของผู้ประกอบการในนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด ส่วนใหญ่ต้องการแรงงานที่มีทักษะสูง แต่เปอร์เซ็นต์ของคนระยองที่เข้ามาทำงานในมาบตาพุดยังน้อย มีไม่ถึง 10% เพราะเด็กและผู้ปกครองเองยังไม่รู้และเข้าใจ ส่วนใหญ่ยังคิดว่าต้องเรียนปริญญาตรีเท่านั้น ซึ่งมีการแข่งขันสูง ขณะที่การเรียนสายอาชีวศึกษามีโอกาสในการหางาน และเป็นที่ต้องการของตลาดแรงงานมากกว่า
ขณะที่ มนชัย รักสุจริต ผู้จัดการสมาคมฯ กล่าวว่า ปัจจุบันคนในพื้นที่ระยองมีความเข้าใจและยอมรับสายอาชีวะมากขึ้น เพราะมั่นใจว่ามีโอกาสหางานทำในพื้นที่ได้แน่นอน รวมทั้งผู้ประกอบการในพื้นที่ก็สนับสนุน ทั้งการจัดให้สถาบันการศึกษาชั้นนำมาสอนความรู้พื้นฐานด้านปิโตรเคมีหรือวิศวกรรมให้กับเด็กสายอาชีวะ การให้โควตาเปิดรับเด็กอาชีวะกลุ่มนี้เข้าทำงาน และเปิดให้เด็กฝึกงานในสถานประกอบการตามโครงการทวิภาคี ในอนาคตอาจขยายไปถึงการจัดทำหลักสูตรการเรียนการสอนในระดับมัธยมศึกษาร่วมกัน
“นี่เป็นการเตรียมความพร้อมให้กับเด็กใน จ.ระยอง เพราะเมื่อเปิดอาเซียนแล้ว คงห้ามแรงงานจากเพื่อนบ้านไม่ได้ แต่การส่งเสริมให้เด็กได้รู้ถึงทิศทางในอนาคต บวกกับการเสริมจุดด้อยในเรื่องภาษาเข้าไป ก็เชื่อว่าตลาดแรงงานยังเป็นโอกาสของเด็กสายช่างได้แน่นอน”


