สคบ.ตรวจเข้มสัญญาซื้อรถ
ข้อร้องเรียนของผู้บริโภคในธุรกิจรถยนต์และธุรกิจให้บริการซ่อมบำรุงยังคงมีอยู่อย่างต่อเนื่อง
ข้อร้องเรียนของผู้บริโภคในธุรกิจรถยนต์และธุรกิจให้บริการซ่อมบำรุงยังคงมีอยู่อย่างต่อเนื่อง อันเนื่องมาจากการไม่ทำตามหนังสือสัญญาที่ให้ไว้กับลูกค้า อาทิ การปรับเปลี่ยนราคาให้สูงขึ้นผิดจากข้อตกลง การส่งมอบรถยนต์ไม่เป็นไปตามกำหนดวันเวลา ปัญหาเหล่านี้ทางสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค พยายามเข้ามาบรรเทาปัญหาโดยการเข้มงวดและเอาจริงเอาจังกับผู้ประกอบการที่ไม่ปฏิบัติตามสัญญามากขึ้น
สุทธิศักดิ์ ภัทรมานะวงศ์ รองเลขาธิการคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) เปิดเผยว่า จากสถิติในรอบ 5 เดือนแรกของปี 2557 พบว่า ในธุรกิจรถยนต์มีการร้องเรียนถึงปัญหาการส่งมอบรถไม่ตรงตามเวลาที่กำหนด และผู้ซื้อยื่นกู้ไฟแนนซ์ไม่ผ่านจึงร้องขอเงินค่ามัดจำคืนจากทางโชว์รูมแต่ถูกปฏิเสธจำนวน 121 เรื่อง ขณะที่ทั้งปี 2556 มียอดร้องเรียน 201 เรื่อง
ที่ผ่านมา สคบ.ได้เข้ามาแก้ปัญหาโดยกำชับให้ผู้ประกอบธุรกิจทำหนังสือสัญญาให้ชัดเจน มีการระบุจำนวนเงิน วันที่ รายชื่อผู้จอง รถ รุ่น สี ปีราคาจอง ราคาตัวรถ ขนาดกำลังเครื่องยนต์ ที่สำคัญต้องกำหนดเวลาที่คาดว่าจะส่งมอบรถยนต์ได้เมื่อใด ซึ่งข้อมูลดังกล่าวจะเป็นการป้องกันไม่ให้เกิดการเอารัดเอาเปรียบผู้บริโภค ทั้งยังช่วยไม่ให้ผู้ประกอบธุรกิจถูกร้องเรียนตามมาอีกด้วย
ขณะเดียวกัน สคบ.ได้ใช้มาตรการเชิงรุก โดยการลงพื้นที่สุ่มตรวจตามโชว์รูมต่างๆ หากมีการตรวจสอบแล้วพบว่าผู้ประกอบธุรกิจไม่มีความยุติธรรม พยายามใช้ช่องทางเพื่อเอาเปรียบผู้บริโภคจะถือเป็นความผิดตามประกาศ สคบ. พ.ศ. 2522 มีโทษจำคุกไม่เกิน 1 เดือน ปรับไม่เกิน 1 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
นอกจากนี้ ผู้บริโภคมีสิทธิ์บอกเลิกสัญญาได้ทันทีที่ผู้ประกอบธุรกิจมีการกระทำดังนี้ 1. ปรับเปลี่ยนราคารถยนต์สูงขึ้น 2. ไม่ส่งมอบรถ ยี่ห้อ รุ่น สี ขนาดเครื่องตามสัญญา 3.ไม่ส่งมอบรถภายในเวลาที่กำหนด และ 4. ไม่ส่งมอบรถที่มีรายการอุปกรณ์ติดตั้งเพิ่มและของแถมหรือสิทธิประโยชน์ต่างๆตามสัญญา
ด้าน พัชรินทร์ นิลสิน ผู้จัดการสาขา บริษัทเอเอ็มจี ออโต้ สะท้อนปมปัญหาว่า ธุรกิจนำเข้ารถยนต์อาจประสบปัญหากับกฎหมายฉบับนี้ เนื่องจากการนำเข้ารถจากต่างประเทศต้องใช้เวลาในการขนส่งถึง 6 เดือน และเมื่อสินค้าเดินทางมาถึงปรากฏว่าลูกค้ายื่นขอไฟแนนซ์ไม่ผ่าน ผลเสียจึงตกอยู่กับบริษัทอย่างมาก ทางบริษัทจำเป็นต้องยึดเงินค่าจองไว้ไม่สามารถคืนให้ได้ เนื่องจากสัญญาต้องหยุดชะงักลงกะทันหัน
อย่างไรก็ตาม ท้ายที่สุดแม้ว่ายังมีข้อถกเถียงในแง่มุมกฎหมาย บนเส้นทางขนานกับการดำเนินธุรกิจ แต่ทาง สคบ. ได้เน้นย้ำว่า การที่ผู้ประกอบธุรกิจยื่นมือเข้ามาช่วยเยียวยาดูแลผู้บริโภคทันทีที่เกิดปัญหา ย่อมส่งผลกระทบต่อบริษัทน้อยที่สุด ทั้งยังช่วยสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับบริษัทและตราสินค้าเข้าไปถึงในใจผู้บริโภค เพราะเมื่อผู้ประกอบการได้ทำการเยียวยาอย่างเต็มที่แล้ว ก็ไม่ต้องชดใช้เงินค่าเสียหายแต่อย่างใด


