NEPโอดผู้ถือหุ้นไม่สนธุรกิจ
NEP บ่นอุบผู้ถือหุ้นรายใหญ่ คือคลัง และ 2 นักลงทุน ไม่แยแสรุกธุรกิจ เป็นอุปสรรคใหญ่เพิ่มทุน
NEP บ่นอุบผู้ถือหุ้นรายใหญ่ คือคลัง และ 2 นักลงทุน ไม่แยแสรุกธุรกิจ เป็นอุปสรรคใหญ่เพิ่มทุน
นายเสกสิทธิ เจริญเศรษฐศิลป์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็นอีพี อสังหาริมทรัพย์และอุตสาหกรรม (NEP) เปิดเผยว่า ผู้ถือหุ้น NEP รายใหญ่ 3 อันดับแรก ถือหุ้นรวมทั้งสิ้นเกือบ 60% ส่งตัวแทนเข้านั่งเป็นกรรมการบริษัท แต่ไม่ได้ให้ความมุ่งมั่นการทำธุรกิจจนบางครั้งเมื่อฝ่ายจัดการมีแผนรุกธุรกิจบรรจุภัณฑ์เพราะมองเห็นโอกาสเติบโตสูง เพื่อสนับสนุนการเติบโตในอนาคต และมีการลงทุน แต่ไม่สามารถเพิ่มทุนได้ เพราะไม่ได้รับการสนับสนุนจากผู้ถือหุ้นใหญ่
ทั้งนี้ จากข้อมูลตลาดหลักทรัพย์ ผู้ถือหุ้น NEP รายใหญ่ 3 อันดับแรกคือ น.ส.นฤพร กาญจนจารี ถือจำนวน 21% กระทรวงการคลัง 20.46% และนายณัฐพล จุฬางกูร 14.46% ของทุนเรียกชำระแล้ว
“บริษัทอยากเพิ่มทุนเพราะมีต้นทุนต่ำ สามารถนำเงินไปขยายธุรกิจบรรจุภัณฑ์ซึ่งมีโอกาสเติบโตได้อีกมาก แต่ก็ทำไม่ได้ต้องกู้เงินแทน ซึ่งฝ่ายจัดการเคยติดต่อผู้ถือหุ้นใหญ่แต่ไม่ได้รับการตอบรับที่ดีเท่าที่ควร”
ทั้งนี้ แม้ไม่สามารถเพิ่มทุนได้ แต่ NEP ไม่คิดจะขายการลงทุนที่ถือในบริษัท นวนคร (NNCL) และต้องกู้เงินแม้ต้นทุนจะสูงก็ตาม ปัจจุบันมีอัตราหนี้สินต่อทุน (ดี/อี) เพียง 0.06 เท่า ต่ำมากและยังก่อหนี้ได้อีกประมาณ 1,000 ล้านบาท มากเพียงพอต่อการลงทุนบริษัทในอนาคตตามแผนจะลงทุนประมาณ 400 ล้านบาท ในระยะหลายปีข้างหน้า ในการซื้อเครื่องจักรเพื่อเพิ่มการผลิต และลงทุนบรรจุภัณฑ์ในประเทศใกล้เคียงโดยสนใจประเทศพม่า ซึ่งได้เริ่มขายไปแล้วในช่วงไตรมาส 2 แต่ขณะนี้ชะลอไปเพราะต้นทุนขนส่งสูงแม้อัตรากำไรขั้นต้นจะดีก็ตาม จึงกำลังศึกษาจะไปตั้งโรงงานแทน
สำหรับรายได้ยอดขายในปีนี้ คาดว่าจะเติบโต 30% โดยกลุ่มธุรกิจลูกค้าสำคัญ จะเป็นอาหารสัตว์ แป้ง และน้ำตาล ซึ่งกลุ่มเหล่านี้ยังมีความต้องการใช้กระสอบสูง
นอกจากนี้ ยังเป็นผลจากการที่บริษัทเพิ่มเครื่องจักรใหม่ ทำให้กำลังการผลิตเพิ่มอีกประมาณ 300 ตันต่อเดือน จากเดิมที่มีอยู่ 180 ตันต่อเดือน และยังสามารถปรับปรุงเครื่องจักรเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตจนทำให้ในช่วงปลายปีนี้สามารถผลิตเพิ่มขึ้นเป็น 600 ตันต่อเดือนได้ และเครื่องจักรใหม่ที่เข้ามาจะช่วยลดการสูญเสียจากการผลิต จะทำให้อัตรากำไรขั้นต้นปีนี้กลับมาเป็นบวกได้ แต่ยอมรับว่าอัตรากำไรสุทธิยังคงติดลบอยู่


