ธุรกิจCoworking space โอกาสใหม่ในเออีซี (ตอน 3)
(จุดกำเนิด HUBBA Thailand)จากบทความตอนที่แล้วที่ได้เกริ่นนำถึงเทรนด์การพัฒนาธุรกิจใหม่ๆ ในยุคเศรษฐกิจร่วมแบ่งปัน (Share Economy) ที่ครอบคลุมระบบของเศรษฐกิจและสังคมที่ส่งผลให้เกิดการร่วมกันเข้าถึงการบริโภคสินค้าและบริการ ตลอดจนข้อมูลข่าวสาร ซึ่งหัวใจสำคัญคือเทคโนโลยีสารสนเทศที่เอื้ออำนวยให้เกิดการร่วมกันใช้ หรือแบ่งปันส่วนที่เหลืออยู่และไม่ได้ใช้ (Excess Capacity)
(จุดกำเนิด HUBBA Thailand)จากบทความตอนที่แล้วที่ได้เกริ่นนำถึงเทรนด์การพัฒนาธุรกิจใหม่ๆ ในยุคเศรษฐกิจร่วมแบ่งปัน (Share Economy) ที่ครอบคลุมระบบของเศรษฐกิจและสังคมที่ส่งผลให้เกิดการร่วมกันเข้าถึงการบริโภคสินค้าและบริการ ตลอดจนข้อมูลข่าวสาร ซึ่งหัวใจสำคัญคือเทคโนโลยีสารสนเทศที่เอื้ออำนวยให้เกิดการร่วมกันใช้ หรือแบ่งปันส่วนที่เหลืออยู่และไม่ได้ใช้ (Excess Capacity)
หนึ่งในธุรกิจที่กำลังมาแรงและกำลังเติบโตอย่างเงียบๆ ในไทยภายใต้ยุคเศรษฐกิจแบ่งปัน คือ ธุรกิจร่วมแบ่งปันสถานที่ทำงาน (Coworking Space) ที่เป็นการให้บริการพื้นที่สำนักงานแนวใหม่ โดยเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการได้เข้ามาร่วมสร้างพื้นที่แลกเปลี่ยนเรียนรู้ในหลากหลายมิติทั้งด้านวิชาชีพ องค์ความรู้ ไอเดีย วัฒนธรรม และรูปแบบการดำเนินชีวิต เป็นออฟฟิศแนวใหม่ที่ปฏิวัติแนวคิดด้านการทำงานอย่างสิ้นเชิง
ปัจจุบันประเทศไทยมีผู้ให้บริการ Coworking Space ที่เปิดให้บริการแล้วกว่า 10 แห่ง อาทิ HUBBA Thailand, Launchpad, Workbuddy, The SYNC, Kliquedesk, The Space Bangkok, The Third Place, Pun Space, Merge Space, Glowfish, Pah Space, Ma. D เป็นต้น และยังมีอีกจำนวนมากที่อยู่ในช่วงเตรียมความพร้อมก่อนที่จะเปิดตัวอีกหลายแห่ง การเติบโตของธุรกิจแนวใหม่นี้ชี้ให้เห็นว่ามีความต้องการการให้บริการในลักษณะนี้อยู่ไม่น้อยเนื่องจากทุกฝ่ายล้วนได้รับผลประโยชน์และความสำเร็จต่างๆที่ทั้งผู้ประกอบการและสมาชิกต่างก็ได้จาก Coworking space เอง
หากกล่าวถึง Coworking Space แห่งแรกที่เป็นจุดกำเนิดในประเทศไทย ต้องยกให้กับ “HUBBA Thailand” ที่มาจากสองพี่น้องคนรุ่นใหม่ที่หัวคิดล้ำสมัย อย่าง คุณชาล และคุณอมฤต เจริญพันธ์ ที่ต้องการสร้างสถานที่ทำงานรูปแบบใหม่ที่ตอบสนองวิถีชีวิตของคนรุ่นใหม่และสอดคล้องกับรูปแบบการทำงานสมัยใหม่ อย่าง Freelance, Startups, New entrepreneur เป็นต้น โดยมุ่งเน้นการสร้างชุมชนให้กับพื้นที่สำนักงานแบบแบ่งปัน ให้มีลักษณะเป็น “Coworking Space” ที่เอื้ออำนวยให้กลุ่มคนทำงานรุ่นใหม่มีพื้นที่ในการปลดปล่อยพลังความคิดและสร้างให้เป็นสังคมแห่งการสร้างสรรค์ไอเดีย จึงเป็นที่มาของชื่อ HUBBA จาก HUB ที่แปลว่า “ศูนย์กลาง” และ BA คำไทยที่หมายถึงอาการ “บ้า” หรือภาวะการปลดปล่อยความคิดอย่างอิสระ
HUBBA Thailand ตั้งอยู่เลขที่ 19 ถนนสุขุมวิท 63 (เอกมัย) ซอย 4 มีลักษณะเป็น Home Office ขนาด 2 ชั้น มีพื้นที่รองรับได้ถึง 60 คน สมาชิกสามารถเลือกแพ็กเกจได้หลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นโซนทำงานแบบเดี่ยว (Hot desk area) หรือโซนทำงานแบบกลุ่มหรือองค์กร (Private Office)
ภายในแบ่งพื้นที่ออกเป็นส่วนต่างๆ เมื่อเดินเข้าไปจะพบกับส่วนต้อนรับลูกค้า ซึ่งจะมีพนักงานคอยต้อนรับพร้อมให้บริการติดต่อสอบถาม รวมถึงพาทัวร์ด้านในอีกด้วย สำหรับบรรยากาศด้านในของ HUBBA Thailand ให้ความรู้สึกสบายๆ และเป็นกันเอง แต่ก็สงบและเหมาะกับการนั่งทํางาน โดยชั้น 1 จะแบ่งพื้นที่เป็นสัดส่วน เริ่มจากพื้นที่สำหรับนั่งทำงาน (Hot desk area) ที่ผู้ใช้บริการสามารถจับจองที่นั่งได้ตามอัธยาศัย เลือกที่นั่งตรงไหนก็ได้แบบใครมาก่อนมีสิทธิก่อน (First come, first serve)
หากผู้มาใช้บริการต้องการห้องปิดสําหรับนั่งประชุมหรือระดมสมองทีมงานก็จะมีส่วนห้องประชุม ที่จะอยู่ติดกับ Hot Desk แต่มีผนังกันอยู่ พื้นที่ส่วนเล็กๆ อีกพื้นที่ที่สำคัญชั้น 1 คือส่วนห้องครัวที่มีเหมือนตู้เสบียง ที่จะมีขนมนมเนย ชา กาแฟ น้ำดื่มพร้อมเสิร์ฟตลอดวัน ชั้นบนจะมี 2 ห้อง คือ ทำงานแบบเงียบ เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการใช้สมาธิมากเป็นพิเศษ และถัดกันจะเป็นห้องสำหรับใช้ในการจัดทำสัมมนาหรือเวิร์กช็อปต่างๆ (Multifunction Room) มีความจุกว่า 30 คน
ภายนอกอาคารใหญ่จะมีออฟฟิศย่อยอีก 2 ห้อง เหมาะสำหรับผู้ประกอบการที่ต้องการพื้นที่ทำงาน 45 คน ในพื้นที่เดียวกัน และพื้นที่ด้านนอกโดยรอบถูกออกแบบเป็นสวนป่าเขตร้อน ที่เหมือนสวนหลังบ้านสําหรับนั่งพักผ่อนและทำงานแบบสัมผัสธรรมชาติพร้อมเสียงจักจั่นเรไร
นอกจากนี้ จุดเด่นของ HUBBA Thailand คือ การให้บริการสิ่งอํานวยความสะดวกต่างๆ ในการทํางานอย่างครบครัน ทั้งสัญญาณไวไฟ ปลั๊กไฟ เครื่องถ่ายเอกสาร สแกนเนอร์ แฟกซ์ ตู้ล็อกเกอร์ กล่องรับจดหมาย รวมไปถึงบริการรับส่งพัสดุต่างๆ เรียกได้ว่าแค่มาตัวเปล่ากับคอมพ์ 1 เครื่องก็พอ
(โปรดอ่านต่อฉบับหน้า)


