ชาวนา
ทุกท่านยังจำเพลง “ชาวนากับงูเห่า” เพลงดังเมื่อสัก 10 ปีก่อนของวงฟลายได้หรือไม่ครับ ที่มีท่อนยอดฮิตท่อนหนึ่งร้องว่า “ชาวนาคนหนึ่งมีชีวิต...ลำพัง”
ทุกท่านยังจำเพลง “ชาวนากับงูเห่า” เพลงดังเมื่อสัก 10 ปีก่อนของวงฟลายได้หรือไม่ครับ ที่มีท่อนยอดฮิตท่อนหนึ่งร้องว่า “ชาวนาคนหนึ่งมีชีวิต...ลำพัง”
แต่พอหันมาดูสภาพความเป็นจริงในปัจจุบัน ดูเหมือนชาวนาไทยจะมีหลายคน แถมไม่ได้มีชีวิต “ลำพัง” เท่าไหร่นัก เพราะมีเหตุให้รวมตัวกันโดย “ต้องนัดหมาย” เหตุที่ว่าก็คือ “ใบประทวน” ขึ้นเงินโครงการรับจำนำข้าวของรัฐบาล ที่ยังนำไปขึ้นเงินไม่ได้
ล่าสุด คุณวิเชียร พวงลำเจียก นายกสมาคมชาวนาและเกษตรกรไทย ซึ่งเพิ่งกลับมาจากร่วมประชุมกับผู้แทนชาวนาของชาติต่างๆ ในอาเซียน ออกมาบอกว่า ที่ประชุมสรุปจะตั้งสมาพันธ์ชาวนาอาเซียน เพื่อดูแลพิทักษ์สิทธิประโยชน์ของชาวนา ปกป้องการเอาเปรียบจากกลุ่มทุน ตลอดจนคอยเรียกร้องกับรัฐบาลแต่ละชาติในอาเซียนให้สนใจแก้ปัญหาของชาวนา
เป็นการส่งสัญญาณซ้ำว่า ชาวนาไม่ลำพังอีกต่อไป
เรื่องดังกล่าวถือเป็นเรื่องที่ดีและจำเป็นมากครับ เพราะประเทศต่างๆ ในอาเซียนล้วนต้องพึ่งพาชาวนา ทั้งเพื่อการผลิตอาหารบริโภคในประเทศ และส่งออกไปยังต่างประเทศ แต่ทางภาครัฐกลับยังไม่ได้ให้ความสำคัญกับความเป็นอยู่ของชาวนาเท่าที่ควร
ดูในภาคสังคม แผนงานการจัดตั้งประชาคมสังคมและวัฒนธรรม (เอเอสซีซี บลูพรินต์) มีกล่าวถึงเรื่องการขจัดความยากจน การพัฒนาชนบท ตลอดจนการสร้างภูมิคุ้มกันผลกระทบด้านลบจากการรวมตัวเป็นประชาคมอาเซียนและโลกาภิวัตน์ แต่กลับไม่มีมาตรการใดเลยที่ระบุถึงการพัฒนาคุณภาพชีวิตของชาวนา ทั้งที่ชาวนาควรจะเป็นผู้มีส่วนเกี่ยวข้องโดยตรงกับทั้ง 3 เรื่อง
มาดูที่ฝั่งแผนงานการจัดตั้งประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (เออีซี บลูพรินต์) ในแผนกล่าวถึงความร่วมมือด้านอาหาร เกษตร และป่าไม้ แต่พอไปเจาะดูจริงๆ พบว่ามีเพียงเรื่องเดียวเท่านั้นที่เกี่ยวข้องกับการช่วยเหลือชาวนาโดยตรง คือการส่งเสริมสหกรณ์การเกษตรของอาเซียน เพื่อเสริมสร้างการเข้าสู่ตลาดของผลิตภัณฑ์เกษตร
ในแง่การเคลื่อนย้ายเสรี แม้ดูเผินๆ จะทำให้ชาวนาได้ประโยชน์ สินค้าส่งออกภาษีเป็น 0% แต่ผลที่เกิดขึ้นคือชาวนาและเกษตรกรที่มีต้นทุนสูงจะแข่งขันไม่ได้ ทำได้แค่รอวัน “จากไป”
สิ่งเหล่านี้สะท้อนชัดว่า เรามีบลูพรินต์เยอะแยะ แต่กลับไม่เคยใส่ใจชาวนาเลย
ชาวนาเป็นอาชีพที่ถูกเอารัดเอาเปรียบมาตลอดตั้งแต่อดีตกาล ชาวนาอาเซียนประสบปัญหาเดียวกันแทบทุกประเทศ แม้ใครต่อใครจะบอกว่าชาวนาคือกระดูกสันหลังของชาติ แต่เวลา “กระดูกสันหลังหัก” จนแทบจะอัมพฤกษ์อัมพาต ความพยายามในการรักษาของภาครัฐดูน้อยเหลือเกิน
ในเมื่ออาเซียนมองแต่เพียงประโยชน์ของการรวมตัวเพื่อแข่งขัน เปิดเสรีเพื่อหวังว่า ฉันจะเป็น “แชมป์ข้าว” จะส่งออกสินค้าเกษตรให้ได้เยอะๆ ชาวนาก็รวมตัวกันเถอะครับ ดูแลกันเองบ้าง ปกป้องสิทธิที่ควรได้บ้างตามสมควร
ภาครัฐเองก็ต้องปรับมุมคิด เปลี่ยนมุมมอง ไม่ใช่หวังแต่ยอดส่งออก ไม่ใช่หลับหูหลับตาช่วย ด้วยหนทางที่ “เป็นไปไม่ได้” ต้องเข้าใจฐานรากก่อนว่า รวมประชาคมเพื่อ “ช่วยกัน” ไม่ใช่ “แข่งกันเอง”
อย่าว่าแต่แข่งกันเองเลยครับ บางประเทศแค่ขายข้าวเอาเงินคืนชาวนาอย่างเดียว แค่นี้ก็แย่แล้ว ดังนั้น รีบๆ ช่วยกันเองเถอะครับ


