เจาะธุรกิจกลุ่มชิน ‘เอสซี’ เป็นหัวหอก
หุ้นที่ตระกูลชินวัตรและญาติสนิทถือหุ้นใหญ่ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) มีเพียง 2 บริษัท คือ บริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น และบริษัท เอ็ม ลิ้งค์ เอเชีย คอร์ปอเรชั่น ภายหลังจากครอบครัวชินวัตรยกล็อตขายหุ้นในบริษัท ชิน คอร์ปอเรชั่น ให้กับกลุ่มเทมาเซกแห่งสิงคโปร์ไปหมดแล้วตั้งแต่วันที่ 23 ม.ค. 2549
หุ้นที่ตระกูลชินวัตรและญาติสนิทถือหุ้นใหญ่ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) มีเพียง 2 บริษัท คือ บริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น และบริษัท เอ็ม ลิ้งค์ เอเชีย คอร์ปอเรชั่น ภายหลังจากครอบครัวชินวัตรยกล็อตขายหุ้นในบริษัท ชิน คอร์ปอเรชั่น ให้กับกลุ่มเทมาเซกแห่งสิงคโปร์ไปหมดแล้วตั้งแต่วันที่ 23 ม.ค. 2549
ทั้งนี้ การซื้อหุ้นชินคอร์ปไปครั้งนั้น ส่งผลให้กลุ่มเทมาเซกกลายเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ในบริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส หรือเอไอเอส บริษัท ไทยคม บริษัท ซีเอส ล็อกซอินโฟ เนื่องจากชินคอร์ปทำธุรกิจโฮลดิ้งส์ ถือหุ้นเหล่านี้ไว้รับผลตอบแทนในรูปเงินปันผล
สำหรับธนาคารทหารไทยที่ พานทองแท้ ชินวัตร เข้าไปลงทุนและมีชื่อต่อโผเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่คนหนึ่ง ก็มีการทยอยขายออกไปอย่างต่อเนื่องแล้ว
กลุ่มชินวัตรถือหุ้นใหญ่ในบริษัท เอสซีฯ ผ่าน แพทองธาร ชินวัตร จำนวน 29.13% ตามด้วย พินทองทา ชินวัตร ถือจำนวน 926 ล้านหุ้น หรือ 28.19% บรรณพจน์ ดามาพงศ์ ถือ 4.82% คุณหญิงพจมาน ณ ป้อมเพชร 2.81% และยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ถือผ่านบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนแอสเซท พลัส จำนวน 27 ล้านหุ้น หรือ 0.84%
บริษัท เอสซีฯ เป็นธุรกิจหลักของครอบครัวชินวัตร ในการบริหารสินทรัพย์ที่มีอยู่ในรูปของที่ดินและอาคารหลายแห่ง โดยเน้นพัฒนาในโครงการที่อยู่อาศัยระดับกลางบน และอาคารสำนักงาน พร้อมมอบหมายให้บุษบา ดามาพงศ์ เป็นประธานกรรมการบริหาร นอกจากนี้ยังมีณัฐพงศ์ คุณากรวงศ์ ลูกเขยคนเดียวของ ทักษิณ ชินวัตร เป็นกรรมการด้วย
ส่วน เอ็ม ลิ้งค์ ถือหุ้นใหญ่โดยยศชนัน วงศ์สวัสดิ์ บุตรชายของสมชาย และเยาวภา หรือเจ๊แดง โดยมีลูกสาว คือ ชินณิชา วงศ์สวัสดิ์ เป็นประธานกรรมการ และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร
นอกจากบริษัทที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์ฯ แล้ว ตระกูลชินวัตรยังเป็นเจ้าของบริษัทที่อยู่นอกตลาดหลักทรัพย์ อาทิ บริษัท วอยซ์ทีวี ซึ่งเปลี่ยนชื่อมาจาก ฮาวคัม เอนเตอร์เทนเมนท์ ปัจจุบันทำธุรกิจให้บริหารทีวีดาวเทียมช่องวอยซ์ทีวี และเพิ่งประมูลได้ทีวีดิจิตอลในช่องข่าวสารและสาระ เตรียมออกอากาศในเดือน เม.ย.นี้
การประกาศเพิ่มระดับการชุมนุมโดยพุ่งเป้าไปที่ธุรกิจของครอบครัวชินวัตรส่งผลกระทบต่อราคาหุ้นและตลาดหุ้นโดยรวมทันที ในภาคบ่ายของวันที่ 19 ก.พ.ที่ผ่านมา นักลงทุนเฮโลเทขายหุ้นเอไอเอส ทุบราคาร่วงลงไปลึกถึง214 บาท ก่อนฟื้นมาปิดที่ 217 บาท ลดลง 2 บาท หรือลดลง 0.91% แต่ราคายังร่วงน้อยกว่าหุ้นเอสซีฯ ปิดที่ 3.24 บาท ลดลง 0.12 บาท หรือ 3.57% และเอ็ม ลิ้งค์ ปิดที่ 3.32 บาท ลดลง 2.92%
วิไล เคียงประดู่ ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการอาวุโส เอไอเอส กล่าวว่า ทางเอไอเอสไม่หวั่นวิตกในกรณีที่เกิดขึ้น เนื่องจากนักลงทุนจะศึกษา และตรวจสอบหุ้นแต่ละตัวก่อนที่จะซื้อขายอยู่แล้ว และบริษัทเพิ่งจ่ายเงินปันผลถึง 12.15 บาทต่อหุ้น ถือว่าเป็นอัตราที่ดี
“เชื่อว่ากรณีนี้จะไม่มีผลต่อหุ้นของเอไอเอสแน่นอน แต่บริษัทก็จะต้องมอนิเตอร์เหตุการณ์อย่างใกล้ชิด ซึ่งที่ผ่านมาบริษัทได้ยืนยันมาโดยตลอดถึงเจตนารมณ์ที่ชัดเจนกับการไม่เข้าไปเกี่ยวข้องกับการเมือง” วิไล กล่าว


