หุ้นครองแชมป์แจกกำไร

บลจ.ทิสโก้ยก หุ้นแจกกำไรสูงสุด ในช่วงเศรษฐกิจขาลงตามด้วยทองคำ หุ้นกู้ บล.กสิกรไทย แนะถึงเวลาขายหุ้นแล้วรอไปช้อนไตรมาส 3 แถว 670-680 จุด

นายธีรนาท รุจิเมธาภาส กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ทิสโก้ เปิดเผยในงานสัมมนาเรื่อง “โภคภัณฑ์ หุ้น ลุ้นทำกำไรปี 2553” ว่า ถ้าจัดอันดับความน่าลงทุนตามอัตราผลตอบแทนและความเสี่ยง พบว่าในภาวะที่เศรษฐกิจขาขึ้นในปีนี้ การลงทุนในหุ้นน่าลงทุนอันดับหนึ่ง จากการที่ดัชนีปรับเพิ่มขึ้นตั้งแต่ 730 จุด ทะลุขึ้นไป 800 จุด ที่ให้ผลตอบแทนกว่า 10% โดยทิสโก้ให้ดัชนีเป้าหมายปีนี้ไว้ที่ 850 จุด รองลงมาคือ ทองคำ ที่ราคาขึ้นมาจากกว่า 1,100 เหรียญสหรัฐต่อออนซ์ และคาดว่าจะไปถึง 1,250 เหรียญสหรัฐต่อออนซ์ปีนี้ ตามที่นักวิเคราะห์ได้คาดการณ์กันไว้ และหุ้นกู้ ที่ควรให้อัตราผลตอบแทนสูงกว่าผลตอบแทนพันธบัตรในระยะเวลาเท่ากัน 0.50-0.75%

สำหรับจังหวะในการซื้อขายหุ้นนั้น นายธีรนาท แนะนำว่า ดัชนีหุ้นระดับ 780 จุดขณะนี้ถือเป็นจังหวะขายทำกำไร และไม่น่าซื้อ เพราะมีโอกาสทำกำไรไม่ถึงเลขสองหลัก โดยดัชนีที่ควรจะได้คือ 15-20% ควรหาจังหวะลงทุน

นอกจากนั้น ควรหาโอกาสลงทุนและกระจายความเสี่ยงในหุ้นต่างประเทศไม่ว่าจะเป็นหุ้นสหรัฐ หุ้นเอเชียหรือหุ้นละตินอเมริกา
นายเผดิมภพ สงเคราะห์ กรรมการผู้จัดการ บล.กสิกรไทย กล่าวว่า ตลาดหุ้นมีความผันผวนใกล้เคียงกับตลาดทองคำคือ 4 เดือนแรกปีนี้ ประมาณ 15%

สำหรับจังหวะการเข้าซื้อหุ้นนั้นนายเผดิมภพ กล่าวว่า ควรจะรอประมาณไตรมาส 3 ที่คาดว่าดัชนีจะลดลงไปถึง 670-680 จุด โดยช่วงประมาณกลางเดือน พ.ค. เป็นต้นไป ควรหาจังหวะขายหุ้น เพราะคาดว่าดัชนีจะขึ้นไปถึง 818 จุด และหุ้นจะปรับขึ้นสูงสุดอีกครั้งในไตรมาส 4 ที่ประมาณ 940 จุด เพราะความหวังเรื่องการขยายตัวเศรษฐกิจอย่างมากในต้นปี 2554

ขณะที่นายธนรัชต์ พสวงศ์ กรรมการผู้จัดการบริษัท ฮั่วเซ่งเฮง โกลด์ฟิวเจอร์ส กล่าวว่า 4 เดือนที่ผ่านมาราคาทองขึ้นไปจากสิ้นปี 2552 แล้ว 5%

ที่ผ่านมา ราคาทองคำในประเทศปรับตัวขึ้นอย่างรวดเร็วจากระดับต่ำกว่า 17,000 บาทต่อทองคำหนึ่งบาทขึ้นมาถึง 18,000 บาทในปัจจุบัน เพราะนักลงทุนต่างชาติหันไปถือครองทองคำแทนหุ้นที่มีความเสี่ยงสูง