SPVIยันบิ๊กไม่ทิ้งหุ้นเดิม

“SPVI” โทษการเมืองทำหุ้นดิ่ง ยันผู้บริหารไม่ได้ขายหุ้นเดิมทิ้ง ปีหน้าตั้งเป้า ปั๊มยอดขายโต 1015%

นายไตรสรณ์ วรญาณโกศล กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอส พี วี ไอ (SPVI) ซึ่งเพิ่งนำหุ้นเข้ามาจดทะเบียนซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) เมื่อวันที่ 19 ธ.ค.ที่ผ่านมา เปิดเผยว่า ราคาหุ้น SPVI ปรับตัวลง ตามภาวะตลาดหุ้นโดยรวม ไม่ได้เกิดจากการขายหุ้นของผู้บริหารบริษัทแต่อย่างใด

ทั้งนี้ กรรมการผู้จัดการ ยืนยันว่า ผู้บริหารของ SPVI ไม่มีใครนำหุ้นเดิมก่อนขายให้ประชาชนครั้งแรก (ไอพีโอ) ออกมาขายแต่อย่างใด โดยคณะผู้บริหารยังมีความมุ่งมั่นที่จะนำพาธุรกิจให้เติบโตในอนาคต และมีความตั้งใจที่จะสร้างผลตอบแทนให้ผู้ถือหุ้นเพิ่มมากขึ้นในระยะยาว

ก่อนหน้านี้ นางดวงนภา วรญาณโกศล ผู้บริหาร SPVI ได้ขายหุ้นทำกำไรในวันแรก โดยขนหุ้นนับแสนหุ้นออกมาขายได้ราคาสูงกว่า 2 บาท และในวันเดียวกันได้ซื้อเก็บคืนในราคา 1.47 บาท

สำหรับพนักงานของบริษัท มีการขายหุ้นออกบ้าง แต่เป็นหุ้นในส่วนไอพีโอที่จัดสรรให้รับสิทธิซื้อในราคาจองที่ 0.90 บาท ทั้งนี้ พนักงานที่ขายหุ้นออกไปมีจำนวนไม่มาก จึงไม่น่ามีผลต่อราคาหุ้น

สาเหตุราคาหุ้นที่ปรับลดลง เชื่อว่าเป็นไปตามภาวะตลาดหุ้นโดยรวมที่ได้รับแรงกดดันจากการเมืองและปัจจัยภายนอก

สำหรับแนวโน้มการดำเนินงานในปี 2557 บริษัทตั้งเป้าหมายการเติบโตของรายได้ไว้ที่ 1015% จากปี 2556 ที่คาดว่ารายได้จะมากกว่า 2,000 ล้านบาท โดย 9 เดือนแรกสามารถทำรายได้ที่ 1,700 ล้านบาท

อย่างไรก็ตาม SPVI ขายหุ้นไอพีโอจำนวน 104.50 ล้านหุ้น ที่ราคาหุ้นละ 0.90 บาทโดยวันแรกเปิดที่ระดับ 2.30 บาท หลังจากนั้น ไต่ขึ้นไปสูงสุดที่ระดับ 2.34 บาท และปิดตลาดที่ระดับ 1.47 บาท หรือ 63.66% ล่าสุดวันที่ 26 ธ.ค.ปิดที่ 1.06 บาท ลดลง 0.11 บาท แต่ราคาก็ยังสูงกว่าที่ขายไอพีโอ 0.16 บาท คิดเป็นอัตราผลตอบแทน 17.77%

นอกจากนั้น หุ้นน้องใหม่หลายๆ ตัวราคาก็ปรับตัวลง เช่น บริษัท โอเชี่ยน คอมเมิรช (OCEAN) ที่ขายไอพีโอไอหุ้นละ 0.90 บาท เท่ากับ SPVI ปรากฏว่าหุ้นก็ปรับตัวลง จนล่าสุดปิดที่ 1.08 บาท ลดลง 0.09 บาท หรือ 7.69%

ในปี 2556 มีหลักทรัพย์ใหม่เข้าจดทะเบียนและซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) และตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) แล้ว ทั้งหมด 37 หลักทรัพย์ ซึ่งวันที่ 27 ธ.ค.เป็นวันทำการสุดท้ายของปีนี้

กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคม ทรูโกรท (TRUEIF) จะเข้ามาซื้อขาย หลังประสบความสำเร็จในการขายหน่วยลงทุนมูลค่าสูงถึง 58,080 ล้านบาท ในราคาหน่วยละ 10 บาท