อีสท์วอเตอร์ปรับยุทธศาสตร์ขยายผลิตภัณฑ์-ลุยทุกพื้นที่
โดย...จารุพันธ์ จิระรัชนิรมย์
โดย...จารุพันธ์ จิระรัชนิรมย์
หากพูดถึงบริษัท จัดการและพัฒนาทรัพยากรน้ำภาคตะวันออก หรืออีสท์วอเตอร์ ทุกคนคงเข้าใจว่าเป็นบริษัทที่ทำธุรกิจเกี่ยวกับน้ำเฉพาะในภาคตะวันออก แต่มาวันนี้ วันชัย หล่อวัฒนตระกูล ซึ่งได้รับการแต่งตั้งให้เป็นกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ อีสท์วอเตอร์ เมื่อวันที่ 15 ส.ค.ที่ผ่านมา ก็เตรียมปรับโฉมอีสท์วอเตอร์ครั้งใหญ่ เน้นการขยายการลงทุนในภูมิภาคอื่นมากขึ้น
วันชัย เปิดเผยวิสัยทัศน์หลังรับตำแหน่งว่า อีสท์วอเตอร์กำลังเข้าสู่วงจรธุรกิจทศวรรษที่ 3 ซึ่งบริษัทคงไม่สามารถจำกัดธุรกิจอยู่เพียงภาคตะวันออกได้ต่อไป เพราะไม่เช่นนั้นบริษัทจะไม่สามารถขยายตัวได้มากกว่านี้อีกแล้ว ดังนั้น จึงวางนโยบายให้อีสท์วอเตอร์ขยายธุรกิจ โดยลบขอบเขตคำว่า “อีสท์” ออกไป เพื่อจะได้ไม่จำกัดตัวเองแค่ภาคตะวันออกเท่านั้น เบื้องต้นขยายธุรกิจ 2 แนวทาง คือ การก้าวออกนอกพื้นที่ภาคตะวันออก และการขยายผลิตภัณฑ์ให้มากกว่าน้ำดิบ
สำหรับภาพรวมยอดขายน้ำของอีสท์วอเตอร์ปีนี้ ในแง่ปริมาณน้ำคงจะโต 6% ส่วนรายได้เป้าหมายโต 8% คงไม่สามารถเติบโตได้ด้วยตัวเลข 2 หลัก หากยังทำธุรกิจอยู่แต่ภาคตะวันออก แต่เมื่อขยายการลงทุนไปภาคอื่นแล้ว ในช่วงแรกคงจะทำรายได้ได้ไม่หวือหวาแบบเดิม แต่จะเป็นผลดีต่อธุรกิจของบริษัทในระยะยาว
แนวทางออกนอกพื้นที่ภาคตะวันออกนั้น เบื้องต้นมองไว้หลายแนวทาง อาจไปตั้งบริษัทร่วมทุน หรือซื้อกิจการ (เทกโอเวอร์) บริษัทที่มีอยู่เดิม เพื่อทำธุรกิจบริหารจัดการน้ำทางภาคอื่น และอนาคตอีสท์วอเตอร์อาจต้องกลายเป็นบริษัทแม่ที่ต้องถือหุ้นในบริษัทหลายๆ บริษัท (โฮลดิง คอมพานี)
ขณะที่การขยายผลิตภัณฑ์น่าจะทำผ่านบริษัทลูกอย่าง บริษัท ยูนิเวอร์แซล ยูทีลิตี้ส์ หรือยูยู เข้าไปทำน้ำประปา น้ำที่ใช้ในโรงงานอุตสาหกรรม บำบัดน้ำเสียกลับมาใช้ใหม่ หรือหากเป็นไปได้ก็จะนำน้ำทะเลมาทำเป็นน้ำใช้ ในกรณีที่เทคโนโลยีดีขึ้น ต้นทุนการทำถูกลง ซึ่งประเมินว่า 5 ปีจากนี้คงใช้เงินลงทุนไม่ต่ำกว่า 1 หมื่นล้านบาท เฉลี่ยปีละ 2,0003,000 ล้านบาท เป็นการลงทุนในภาคตะวันออก 5,000 ล้านบาท และในภาคอื่นๆ อีก 5,0006,000 ล้านบาท
“ปัจจุบัน อีสท์วอเตอร์มีสัดส่วนหนี้สินต่อทุน (ดี/อี) เพียง 0.6 เท่า ดังนั้น หากต้องกลับไปกู้ยืมเงินเพื่อมาลงทุนตามแผนที่วางไว้ ก็จะทำให้ดี/อีเพิ่มเป็น 1.2 เท่าในระยะ 5 ปีข้างหน้า ระดมเงินได้ 7,000 ล้านบาท ส่วนที่เหลือก็ยังมีเครื่องมือทางการเงินอื่นๆ ที่จะช่วยระดมเงินได้ เช่น การระดมทุนผ่านกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน (อินฟราสตรัคเจอร์ ฟันด์) และการนำยูยู บริษัทย่อยไประดมทุนผ่านตลาดหลักทรัพย์ฯ เป็นต้น” วันชัย กล่าว
พื้นที่ที่สนใจไปขยายธุรกิจ ได้แก่ ภูเก็ต ซึ่งขณะนี้รัฐบาลกำลังมีแนวคิดวางท่อส่งน้ำจากเขื่อนรัชชประภามายังภูเก็ตเพื่อแก้ปัญหาขาดแคลนน้ำ ซึ่งบริษัทสนใจเข้าทำโครงการนี้ อีกพื้นที่คือ ปราจีนบุรี ที่นิคมอุตสาหกรรมกำลังเติบโต แต่พื้นที่นี้ไม่ได้มีปัญหาขาดแคลนน้ำ อาจไปขยายธุรกิจเกี่ยวกับน้ำที่ใช้ในอุตสาหกรรมและน้ำประปา รวมถึงพื้นที่บนเกาะต่างๆ ท่าอากาศยาน องค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) องค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) ที่ขาดแคลนหรือมีปัญหาด้านการผลิตน้ำประปา บริษัทก็จะพยายามใช้บริษัทในเครืออย่างยูยูไปขยายธุรกิจ
โครงการต่อมา คือ โครงการลงทุนขนาดใหญ่ด้านน้ำ 3.5 แสนล้านบาท ที่มีหลายบริษัทดูแลอยู่ อีสท์วอเตอร์พยายามจะขอไปมีส่วนร่วมในโครงการด้วย ทั้งในลักษณะเจรจาขอร่วมทุน หรือการรับบริหารจัดการงานบางส่วน เพราะอีสท์วอเตอร์สามารถทำท่อส่งน้ำ นำน้ำจากทางน้ำไหล (ฟลัดเวย์) ไปเสริมพื้นที่อื่นได้ โดยบริษัทที่คุยด้วยคือ บริษัท โคเรีย วอเตอร์ รีซอสเซส คอร์ปอเรชั่น (เควอเตอร์) หากสามารถร่วมทุนกันได้ก็จะเป็นบริษัทที่แข็งแกร่งมาก เพราะอีสท์วอเตอร์ก็เป็นบริษัทที่รัฐบาลไทยถือหุ้นอยู่บางส่วน ขณะที่ เควอเตอร์ เป็นบริษัทที่รัฐบาลเกาหลีถือหุ้นเช่นกัน
นอกจากนี้ ยังสนใจลงทุนโครงการทวาย เพราะมีรูปแบบเหมือนกับโครงการมาบตาพุด ซึ่งอีสท์วอเตอร์เคยทำท่อส่งน้ำเข้าโครงการมาบตาพุดมาก่อน มีประสบการณ์ตรงด้านนี้ เชื่อว่าหากบริษัทที่เข้าไปลงทุนโครงการทวายต้องการหาบริษัทที่บริหารจัดการน้ำให้อีสท์วอเตอร์ก็น่าจะเป็นตัวเลือกอันดับต้นๆ ขณะที่การลงทุนประเทศในประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (เออีซี) เช่น ลาวและพม่า ด้านการทำน้ำประปาหรือน้ำดื่ม ก็เป็นอีกเรื่องที่สนใจ
ในส่วนของภาคตะวันออกยังให้ความสำคัญอยู่ เพราะถือเป็นภารกิจหลักที่ ครม.เคยมีมติมอบหมายให้ดูแลมาตั้งแต่ก่อตั้งบริษัทมองว่าจะวางท่อส่งน้ำเพิ่มจากอ่างเก็บน้ำประแสร์มายังระยองอีก 1 เส้น เพื่อส่งน้ำให้ได้ 70 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อปี ซึ่งจะช่วยให้เพียงพอต่อความต้องการใช้น้ำภาคตะวันออกอีก 5 ปี พร้อมทั้งหาแนวทางแก้ปัญหาให้ชลบุรีที่ระยะยาวมีโอกาสขาดแคลนน้ำมากกว่าระยอง มองไว้ทั้งการนำน้ำจากระยองมาช่วย นำน้ำจากภาคกลางมาใช้ ไปจนถึงการนำน้ำเสียจากพัทยามาบำบัดใหม่ เป็นน้ำใช้ในอุตสาหกรรม
นี่คือยุทธศาสตร์ในทศวรรษล่าสุดที่คงสร้างความท้าทายให้อีสท์วอเตอร์กว่ายุคที่ผ่านๆ มาหลายเท่าตัว


