ผุดแผนรับมือไฟดับ
เพิ่มอำนาจกฟผ.จ่ายไฟทันทีใน7วินาที‘สอท.’ชง4มาตรการเสนอรัฐแก้ไข
เพิ่มอำนาจกฟผ.จ่ายไฟทันทีใน7วินาที‘สอท.’ชง4มาตรการเสนอรัฐแก้ไข
เรกูเลเตอร์เล็งออกแผนฉุกเฉินรับมือไฟดับ เพิ่มอำนาจ กฟผ. ส.อ.ท. เสนอ 4 ข้อจี้รัฐแก้ไข
นายดิเรก ลาวัณย์ศิริ ประธานกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (เรกูเลเตอร์) เปิดเผยภายหลังการหารือร่วมกับ 3 การไฟฟ้า ได้แก่ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) การไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) และการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) ถึงแนวทางการแก้ไขปัญหากรณีเกิดเหตุการณ์ไฟฟ้าดับ ว่าที่ประชุมเห็นชอบให้มีการจัดทำแผนฉุกเฉินรองรับการแก้ปัญหากรณีเกิดไฟฟ้าดับในวงกว้าง เพื่อใช้เป็นมาตรการระยะสั้นป้องกันไม่ให้เกิดไฟฟ้าดับเป็นเวลานาน
ทั้งนี้ จะมีการผ่อนปรนกฎระเบียบตาม พ.ร.บ.การประกอบกิจการพลังงานมาตรา 87 เพื่อเพิ่มอำนาจให้กับศูนย์ควบคุมระบบโครงข่ายพลังงานของ กฟผ. สามารถตัดสินใจดับไฟในบางพื้นที่ได้ เพื่อดึงไฟฟ้ามาเสริมในพื่นที่ที่มีไฟฟ้าดับในวงกว้าง และใช้เวลาในการตัดสินใจอย่างรวดเร็วภายใน 7 วินาที โดยไม่ถูกฟ้องร้องในภายหลัง และจะมีการกำหนดกรอบการบริหารศูนย์จ่ายไฟฟ้าให้ชัดเจน
“ที่ผ่านมา กฟผ. ไม่ใช้มาตรการดังกล่าว เพราะกังวลว่าหากตัดสินใจสั่งการดับไฟพื้นที่อื่น เพื่อมาจ่ายไฟในพื้นที่ที่ไฟดับวงกว้างแล้วเกิดปัญหาฟ้องร้องภายหลัง ใครควรจะรับผิดชอบ” นายดิเรก กล่าว
นางพัลลา เรืองรอง กรรมการเรกูเลเตอร์ กล่าวว่า จากการตรวจสอบเบื้องต้น เหตุการณ์ไฟฟ้าดับในพื้นที่ 14 จังหวัดภาคใต้ มีต้นเหตุมาจากฟ้าผ่าที่เสาไฟฟ้าระบบส่งซึ่งเป็นเหตุสุดวิสัย ทำให้ไม่สามารถกู้ระบบได้ทัน ส่วนการซื้อไฟฟ้าเพิ่มจากมาเลเซีย วงเงิน 12 ล้านบาทนั้น ต้องดูว่าฟ้าผ่าเสาไฟฟ้าเกิดจากสายล่อฟ้าชำรุดเพราะไม่มีการดูแลหรือไม่ ถ้าพบว่าเป็นความบกพร่องของ กฟผ. ก็จะต้องถูกเรียกค่าปรับและนำมาชดเชยให้กับผู้ใช้ไฟฟ้าที่ได้รับผลกระทบ
นายพยุงศักดิ์ ชาติสุทธิผล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า ส.อ.ท.เตรียมเข้าพบรมว.พลังงาน เพื่อเสนอมาตรการสร้างเสถียรภาพด้านพลังงานของประเทศ ประกอบด้วย 1.การเพิ่มกำลังผลิตไฟฟ้าสำรองให้เพียงพอต่อความต้องการสร้างความมั่นคงหรือเสถียรภาพของระบบไฟฟ้าทั่วประเทศ และการกระจายโรงไฟฟ้าให้ทั่วทุกภูมิภาค
2.ภาครัฐต้องเร่งสร้างความเชื่อมั่นต่อนักลงทุนในการจัดการไฟฟ้า ทั้งความเพียงพอของกระแสไฟ ระบบส่งไฟฟ้า ตลอดจนราคาที่แข่งขันได้ 3.รัฐบาลต้องให้ความสำคัญกับการจัดการด้านสิ่งแวดล้อม โดยสนับสนุนส่งเสริมการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน และ 4.รัฐบาลต้องสนับสนุนให้ประชาชนมีส่วนร่วมด้านพลังงานไฟฟ้า แต่เนื่องจากไฟฟ้าเป็นเรื่องทางเทคนิค ทุกฝ่ายควรใช้ข้อมูลในการพิจารณาสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อประเทศ
นายพีระ เพชรพาณิชย์ ประธานสภาอุตสาหกรรมภาคใต้ กล่าวว่า เมื่อวันที่26 พ.ค.นี้ ส.อ.ท.ภาคใต้ได้ประชุมและสรุปมาตรการให้ ส.อ.ท. เสนอต่อภาครัฐ คือ ขอให้รัฐบาลจัดหาพลังงานสำรองให้เพียงพอกับความต้องการในอนาคต โดยภาคใต้มีความต้องการใช้ไฟเพิ่มขึ้นปีละ 810% นอกจากนี้ขอให้ส่งเสริมและสนับสนุนให้ผู้ประกอบการรายย่อยที่มีศักยภาพในการผลิตไฟฟ้าใช้เองในสถานประกอบการ เช่น การผลิตไฟฟ้าชีวภาพ ชีวมวล รวมถึงการทบทวนอัตราส่วนเพิ่มราคารับซื้อไฟฟ้า (แอดเดอร์) จากปัจจุบัน 30-50 สตางค์ต่อหน่วย เป็น 11.50 บาทต่อหน่วย ซึ่งเป็นระดับที่จูงใจให้เกิดการลงทุน
สำหรับไฟฟ้าดับ 14 จังหวัดภาคใต้ที่ผ่านมา ความเสียหายไม่ได้สูงถึง 1 หมื่นล้านบาท แต่ประมาณ 300 ล้านบาท เนื่องจากอุตสาหกรรมภาคใต้ มีมูลค่าปีละประมาณ 5 แสนล้านบาท หรือชั่วโมงละ 200 ล้านบาท กรณีนี้ไฟฟ้าดับเฉลี่ย 3 ชั่วโมง คิดเป็นความเสียหาย 600 ล้านบาท แต่เนื่องจากดับช่วงกลางคืนอุตสาหกรรมเกือบครึ่งหนึ่งเลิกงานแล้ว
นอกจากนี้ สภาอุตสาหกรรมจังหวัดกระบี่ ได้เสนอให้รัฐสนับสนุนการผลิตไฟฟ้าใน จ.กระบี่ ควบคู่กับพลังงานหมุนเวียน


