posttoday

ขีดจำกัดการเติบโต

17 พฤษภาคม 2556

อดัม สมิธ (Adam Smith) บิดาแห่งเศรษฐศาสตร์สมัยใหม่ ได้อธิบายในหนังสือของเขาชื่อ “The Wealth of Nations” หรือ “ความมั่งคั่งของประชาชาติ”

อดัม สมิธ (Adam Smith) บิดาแห่งเศรษฐศาสตร์สมัยใหม่ ได้อธิบายในหนังสือของเขาชื่อ “The Wealth of Nations” หรือ “ความมั่งคั่งของประชาชาติ” เมื่อปี พ.ศ. 2319 โดยกล่าวว่า “กลไกตลาดซึ่งเปรียบเสมือนมือที่มองไม่เห็น (Invisible Hand) นั้นจะเป็นเครื่องแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นทุกอย่างโดยตัวมันเอง”

แนวความคิดนี้ เน้นย้ำว่า การปล่อยให้เศรษฐกิจดำเนินไปโดยที่ภาครัฐไม่เข้ามายุ่งเกี่ยว จะทำให้ประสิทธิภาพของระบบเศรษฐกิจของสังคมโดยรวมดีขึ้น การปล่อยให้ภาคเอกชนดำเนินการเองจึงเป็นการสร้างเสถียรภาพและความสมดุลให้กับระบบเศรษฐกิจอย่างแท้จริง

แนวความคิดของการปล่อยให้ภาคเอกชนเข้ามาบริหารจัดการเศรษฐกิจ โดยภาครัฐไม่เข้ามาก้าวก่ายนี้จึงเป็นแนวคิดหลักของทุนนิยมเสรี และการปล่อยให้นายทุนดำเนินการเองจะส่งผลให้เกิดการพัฒนาพลังทางการผลิตมากขึ้น ก่อให้เกิดการพัฒนาทางอุตสาหกรรม ซึ่งทำให้ชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนดีขึ้น

แต่อีกด้านหนึ่ง หลักการดังกล่าวอาจทำให้องค์กรหรือคนที่แข็งแรงกว่าเอารัดเอาเปรียบองค์กร หรือคนที่อ่อนแอกว่าได้ และไม่ได้แก้ปัญหาทางสังคมและสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน

กว่า 230 ปีต่อมา กลุ่มนักธุรกิจนานาชาติ นักการเมือง และนักวิทยาศาสตร์ได้รวมตัวตั้งชื่อกลุ่มว่า “คลับของโรม” (Club of Rome) และได้ตั้งคณะกรรมการเพื่อศึกษาสาเหตุและผลกระทบระยะยาวของการเพิ่มประชากรที่มีต่อภาคอุตสาหกรรม การเพิ่มผลผลิตอาหาร การใช้ทรัพยากร และปัญหามลภาวะ จนตีพิมพ์เป็นหนังสือชื่อ “ขีดจำกัดของการเจริญเติบโต” (The limit of Growth) ในปี พ.ศ. 2515

แนวความคิดในหนังสือดังกล่าว สรุปได้ว่า หากแนวโน้มอัตราการเพิ่มประชากรโลกยังคงเป็นไปเช่นนี้ ในขณะที่การพัฒนาอุตสาห กรรม มลภาวะ การผลิตอาหาร และการขาดแคลนทรัพยากรก็ยังคงไม่เปลี่ยนแปลง (กล่าวคือ อัตราการผลิตในเรื่องของอาหารและปัจจัย 4 ไม่สอดคล้องกับการเพิ่มขึ้นของประชากร) ขีดจำกัดของการเจริญเติบโตในเชิงเศรษฐกิจบนโลกก็จะมาถึงภายใน 100 ปีข้างหน้า (ขยายตัวเติบโตไม่ได้อีกแล้ว) การควบคุมแนวโน้มการเจริญเติบโตด้านประชากร เศรษฐกิจ และสร้างภาวะทางนิเวศวิทยาจะสามารถสร้างความมั่นคงและยั่งยืนต่อไปในอนาคตได้ จะสามารถสร้างโลกที่มีความสมดุล เพื่อตอบสนองความจำเป็นขั้นพื้นฐานของมนุษย์ เพื่อที่มนุษย์แต่ละคนจะได้มีความเสมอภาคและตระหนักถึงศักยภาพที่ตนมีอยู่ และถ้าทุกคนร่วมลงมือทำให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเร็วได้ โอกาสที่จะประสบความสำเร็จตามที่ต้องการเป็นไปได้สูงขึ้น

จากผลงานของ Charles Darwin ซึ่งตีพิมพ์เมื่อปี พ.ศ. 2402 ในหนังสือชื่อ “The Origin of Species” หรือ “กำเนิดของสรรพชีวิต” และกฎการถ่ายทอดพันธุกรรมของเมนเดล (Mendel’s Law of Inheritance) เมื่อปี พ.ศ. 2406 ไปจนถึงการทดลองอีกนับครั้งไม่ถ้วนเกี่ยวกับหลักการ โครงสร้าง และหน้าที่ของระบบนิเวศและความหลากหลายทางชีวภาพ (Biodiversity) นั้น

หลักการวิทยาศาสตร์ได้พิสูจน์ให้เห็นว่า ระบบนิเวศเป็นพื้นฐานธรรมชาติของทุกชีวิตบนโลก ตัวอย่างผลการทดลองเกี่ยวกับระบบนิเวศ ในมลรัฐอริโซนา สหรัฐอเมริกา เมื่อปี พ.ศ. 2534 โดยนักวิทยาศาสตร์กลุ่มหนึ่งได้ทดลองใช้ชีวิตภายในโดมกระจกขนาดใหญ่ ที่ชื่อว่า “Biosphere II” ซึ่งกินพื้นที่ประมาณ 8 ไร่ 2 ปีถัดมา ความพยายามที่จะจำลองระบบนิเวศของโลกใน Biosphere II พบกับความล้มเหลว สภาวะแวดล้อมที่สร้างขึ้นไม่สามารถอยู่รอดได้

กลุ่มนักวิทยาศาสตร์อยู่ได้ด้วยอากาศและอาหารที่ใส่เข้าไปในโดม แม้ว่ารัฐบาลจะใช้เงินกว่า 200 ล้านเหรียญสหรัฐไปกับเครื่องมือต่างๆ แต่ Biosphere II ไม่สามารถสร้างอากาศและน้ำที่เพียงพอเพื่อจะให้กลุ่มนักวิทยาศาสตร์จำนวน 8 คนดำรงชีพได้

แต่โลกของเราใบนี้ (บางครั้งเราเรียกว่า Biosphere I) ได้ทำหน้าที่สร้างอากาศ สร้างน้ำ และเป็นแหล่งอาหารอย่างไม่เคยหยุดเลยให้กับประชากรโลกกว่า 7,000 ล้านคน

การเลิกล้มโครงการ Biosphere II หลังจากเกิดความไม่เห็นด้วยในกลุ่มคนที่เกี่ยวข้องว่าจะบริหารจัดการอย่างไร และวัตถุประสงค์คืออะไรกันแน่นั้น ไม่ใช่ประเด็น แต่บทเรียนที่เกิดขึ้นทำให้เห็นภาพ ว่า มนุษย์จะต้องร่วมมือกันแก้ไขปัญหาด้วยเป้าประสงค์เดียวกัน คือ การอนุรักษ์ระบบสนับสนุนการดำรงชีพของสิ่งมีชีวิตบนโลกไว้

แม้ว่าหลักเศรษฐศาสตร์ของ อดัม สมิธ ซึ่งเป็นพื้นฐานของการค้าเสรีในยุคปัจจุบัน ยังคงใช้ได้อยู่ แต่คงไม่ใช่การปล่อยให้ระบบตลาดดำเนินไปด้วยตนเอง โดยปราศจากการควบคุมและกำกับดูแลอย่างเหมาะสม

ทุกวันนี้ “เศรษฐกิจสีเขียว” และ “อุตสาหกรรมสีเขียว” จึงเป็นความพยายามของกระทรวงอุตสาหกรรมและรัฐบาลที่จะส่งเสริมสนับสนุนภาคธุรกิจอุตสาหกรรม และผู้ประกอบการไทยให้ตระหนักถึงความสำคั%CUR%ญของการอยู่ร่วมกันในสังคม ชุมชน และสิ่งแวดล้อม โดยการอนุรักษ์ทรัพยากรที่จำเป็นต่อการดำรงชีพ และสร้างเศรษฐกิจที่ไม่ไปทำลายคุณภาพสิ่งแวดล้อม ครับผม!

ขีดจำกัดการเติบโต

 

ข่าวล่าสุด

จับตาประชุมอาเซียน ชี้ชะตาสงครามไทย–กัมพูชา จบหรือยืดเยื้อ