อุดรกระจกรถปรับแผนธุรกิจรับอสังหาบูม
อุดรกระจกรถยนต์ปรับแผนธุรกิจขยายตลาดฟิล์มติดอาคารรับอสังหาฯ บูม
อุดรกระจกรถยนต์ปรับแผนธุรกิจขยายตลาดฟิล์มติดอาคารรับอสังหาฯ บูม
นางศมน ชคัตาดากุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท อุดรกระจกรถยนต์ เปิดเผยว่า บริษัทจัดตั้งทีมงานใหม่เข้ามาดูงานขายสายผลิตภัณฑ์ใหม่ คือ ฟิล์มอาคาร หลังจากเห็นโอกาสการขยายตัวของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ใน จ.อุดรธานี ที่เพิ่มขึ้นไม่ต่ำกว่า 3,000 ยูนิต ภายใน 13 ปีนี้ จากการเข้ามาของผู้ประกอบการรายใหญ่ เช่น แสนสิริ ลุมพินี เป็นต้น
ทั้งนี้ บริษัทเป็นผู้ดำเนินธุรกิจบริการด้านติดตั้งกระจกรถยนต์และผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้อง อาทิ ฟิล์มกรองแสงติดรถยนต์และอื่นๆ มานานกว่า 18 ปี และมองเห็นโอกาสจากการเติบโตทางเศรษฐกิจของ จ.อุดรธานี ที่ต่อเนื่องในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา จากการเข้ามาของนักธุรกิจและผู้ประกอบการต่างๆ ทั้งค้าปลีก อสังหาริมทรัพย์ ทำให้เศรษฐกิจและชุมชนขยายตัว มีคนทำงานจากภาคส่วนต่างๆ เข้ามาอาศัยในอุดรฯ เพิ่มขึ้นทุกปี
“ปัจจัยดังกล่าวบริษัทมองว่าจะส่งผลดีต่อธุรกิจบริการฟิล์มกรองแสงติดรถยนต์ จากจำนวนรถยนต์ที่จะขยายตัวสูงขึ้นตามไปด้วย โดยเฉพาะเมื่อเข้าสู่เศรษฐกิจประชาคมอาเซียน หรือเออีซี ในปี 2558 นี้ ทำให้เศรษฐกิจในภูมิภาคนี้จะมีความคึกคัก” นางศมน กล่าว
นอกจากนี้ จากการขยายไลน์สินค้าในกลุ่มฟิล์มอาคารดังกล่าว เป็นการประกันความเสี่ยงรายได้ให้กับบริษัทในระยะกลางและระยะยาวด้วย หลังจากสิ้นสุดโครงการรถคันแรก แม้ว่าช่วงที่ผ่านมาจะส่งผลดีให้กับธุรกิจจากการที่มีจำนวนรถยนต์เข้ามาใช้บริการติดฟิล์มกรองแสงเพิ่มมากขึ้น และทำให้บริษัทมีอัตราการเติบโตไม่ต่ำกว่า 20% เทียบในช่วงเดียวกันกับปีก่อน
อย่างไรก็ตาม จากความต้องการของตลาดที่เพิ่มขึ้นกลับส่งผลให้บริษัทมีต้นทุนการจ้างงานเพิ่มขึ้นไปด้วย ตามนโยบายค่าแรงขั้นต่ำ300 บาท ซึ่งบริษัทได้มีการจ้างงานใหม่เพิ่มขึ้นตามสัดส่วนของการขยายตัวของธุรกิจ จากปัจจุบันธุรกิจในเครือบริษัทเปิดให้บริการ 3 สาขา ในภาคอีสาน คือ อุดรธานี อุบลราชธานี และขอนแก่น มีพนักงานรวมทั้งสิ้นราว 150 คน โดยในปีนี้คาดว่าจะมีรายได้ไม่ต่ำกว่า 200300 ล้านบาท เติบโต 20% จากปีก่อนมีอัตราเติบโตเฉลี่ย 10%
ล่าสุด บริษัทได้รับรางวัลสุดยอดเอสเอ็มอีแห่งชาติ ครั้งที่ 5 ประจำปี 2555 ประกาศผลเมื่อวันที่ 24 เม.ย.ที่ผ่านมา ในด้านกลุ่มธุรกิจค้าปลีก ซึ่งความสำเร็จมาจาก 3 ปัจจัยหลัก คือ 1.ด้านบุคลากร 2.ระบบการเงินการบัญชีที่ตรวจสอบได้และโปร่งใส และ 3.การพัฒนาองค์กรอย่างต่อเนื่องและนำข้อมูลด้านต่างๆ มาวิเคราะห์เพื่อพัฒนาธุรกิจ


