คิดนอกกรอบแบบอำนวยศิลป์โมเดล
โดย...ชลธิชา ภัทรสิริวรกุล
โดย...ชลธิชา ภัทรสิริวรกุล
ระบบการศึกษาไทยที่ผ่านมาเน้นสอนแบบท่องจำ จนทำให้คุณภาพเด็กไทยลดต่ำลง ดังนั้นสถาบันการศึกษาจึงต้องเร่งปรับตัวเพื่อพัฒนาศักยภาพของนักเรียนให้สามารถแข่งขันในโลกยุคใหม่
สำหรับโรงเรียนอำนวยศิลป์ได้กำหนดแผนธุรกิจและแนวทางการจัดการเรียนการสอน ภายใต้ “อำนวยศิลป์โมเดล” เพื่อก้าวเข้าสู่การเปิดเสรีทางการศึกษาในปี 2558
เพชรชุดา เกษประยูร ประธานบริหารโรงเรียนอำนวยศิลป์ เล่าถึงแนวคิดการยกเครื่องหลักสูตรการเรียนการสอนหลังมารับไม้ต่อจากรุ่นพ่อแม่ ว่า เทรนด์การยกระดับคุณภาพการศึกษาที่ขาดไม่ได้ในยุคนี้ก็คือ ภาษาอังกฤษและไอที รวมไปถึงทักษะการคิดที่เด็กต้องมีไว้ใช้เป็นกุญแจไขประตูแห่งความเป็นผู้นำในโลกอนาคต
โรงเรียนอำนวยศิลป์มีเป้าหมายเตรียมพร้อมพัฒนาเด็กรุ่นใหม่ให้เป็นพลเมืองของโลก (Global Citizen) รองรับการเปิดเสรีทางการศึกษาในอนาคต โดยนำนวัตกรรมการศึกษาซึ่งกำลังได้รับความนิยมอย่างมากในต่างประเทศ “Thinking School” มาใช้เป็นยุทธศาสตร์การพัฒนาโรงเรียนตั้งแต่ปี 2549
ในระบบนี้ครูผู้สอนมีหน้าที่กระตุ้นพัฒนาการทางความคิดของผู้เรียนให้เกิดการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ระหว่างครูและผู้เรียน ทำให้นักเรียนสามารถคิดวิเคราะห์ สร้างสรรค์และสังเคราะห์ ซึ่งทำให้เด็กมีความเข้าใจได้อย่างถ่องแท้ โดยยึดมั่นแนวทางการพัฒนาเด็กแบบองค์รวมทั้ง 4 ด้าน ได้แก่ พุทธศึกษา พลศึกษา จริยศึกษา และหัตถศึกษา เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันทางด้าน EQ ให้เด็กรุ่นใหม่ไม่ถูกหลอมรวมไปกับวัฒนธรรมต่างชาติที่จะเข้ามาหลังประชาคมอาเซียน
ขณะเดียวกัน โรงเรียนตั้งเป้าหมายว่าจะก้าวเป็นโรงเรียนระดับโลกให้ได้ภายในปี 2558 โดยขณะนี้ทำตามเป้าได้แล้วประมาณ 65-70% เพราะสามารถยกระดับมาตรฐานการจัดการเรียนการสอนให้เป็นโรงเรียนสองภาษามาตรฐานสากล จนได้รับการแต่งตั้งให้เป็นศูนย์การจัดการสอบนานาชาติ IGCSE และ A Level ภายใต้การรับรองของ Cambridge International Examination (CIE)
สำหรับก้าวที่เหลือที่จะเข้าสู่เป้าหมายตามที่ตั้งไว้ โรงเรียนต้องใช้เงินลงทุนอีกไม่ต่ำกว่า 50 ล้านบาท เพื่อจัดการด้านสถานที่ ระบบสาธารณูปโภคและเทคโนโลยีให้มีความเป็นสากลมากขึ้น ซึ่งส่งผลให้ต้องปรับค่าเทอมประมาณ 57% ต่อปี แต่ค่าเทอมของโรงเรียนก็ยังต่ำกว่าโรงเรียนนานาชาติอื่นที่เฉลี่ยอยู่ที่ 78 แสนบาทต่อปี
เพชรชุดา ฝากทิ้งท้ายว่า หากจะพัฒนาคุณภาพการศึกษาไทยให้เทียบเท่ามาตรฐานอินเตอร์ ฝ่ายที่เกี่ยวข้องต้องทบทวนและประมวลความรู้ความคิดกันใหม่ หันมาพัฒนาหลักสูตรครูให้ทันสมัย เปลี่ยนจากการยืนพูดหน้าชั้นมาหัดตั้งคำถามให้เด็กคิดและนำไปต่อยอดเองได้ เด็กในวันนี้ต้องถูกฝึกให้คิดและพร้อมรับมือกับปัญหาในทุกสถานการณ์
ที่สำคัญจะต้องยอมรับความจริงและยอมรับความคิดเห็นของผู้ที่มีความรู้ความสามารถในงานนั้นๆ อย่างแท้จริง ไม่ใช่เพียงแต่รับฟังแต่ไม่ปฏิบัติตามเลย


