ชูจุดขายคอนโดอัจฉริยะ จอดรถในห้องหรู/30ล.ขายเกลี้ยง
แม้คอนโดมิเนียมจะเป็นที่อยู่อาศัยที่มีความต้องการซื้อสูง แต่การแข่งขันในตลาดก็สูงด้วยเช่นกัน เมื่อบริษัทยักษ์ใหญ่ต่างยึดกุมทุกพื้นที่
แม้คอนโดมิเนียมจะเป็นที่อยู่อาศัยที่มีความต้องการซื้อสูง แต่การแข่งขันในตลาดก็สูงด้วยเช่นกัน เมื่อบริษัทยักษ์ใหญ่ต่างยึดกุมทุกพื้นที่
พัฒนาสินค้าป้อนตลาดในทุกระดับราคา การสร้างความแตกต่างที่ตรงใจคนซื้อจึงเป็นถือเป็นอาวุธสำคัญสำหรับการทำตลาดในยุคคอนโดมิเนียมฟีเวอร์
การเปิดตัวโครงการเซอร์เคิล คอนโด มิเนียม บนถนนสุขุมวิท ซอย 11 ของบริษัท เฟรเกรนท์ เรียลเอสเตท ดีเวลลอปเม้นท์ เป็นกรณีตัวอย่างที่น่าสนใจในการสร้างความต่างที่โดนใจ เมื่อโครงการชูจุดขายคอนโดมิเนียมพร้อมที่จอดรถในห้องชุดหรู ให้บรรดาไฮโซคนรักรถสามารถเอา ปอร์เช่ เฟอร์รารี แลมโบร์กินี ส่งขึ้นลิฟต์ไฮเทคไปจอดบนที่จอดรถส่วนตัวในห้องพักได้เท่ๆ ไม่เหมือนใคร
เจมส์ ดูอัน ประธานเจ้าหน้าที่ บริหาร เฟรเกรนท์ กรุ๊ป กล่าวว่า ก่อนเริ่มโครงการได้เอาที่ดินแปลงนี้มานั่งวิเคราะห์ดูว่าจะพัฒนาโครงการในแบบไหน แน่นอนว่าที่ดินกลางสุขุมวิทต้องเป็นคอนโดมิเนียมระดับไฮเอนด์ ยิ่งซอย 11 เป็นทำเลที่มีไลฟ์สไตล์ชัดเจนอยู่แล้ว และเห็นว่ากรุงเทพฯ เป็นเมืองใหญ่ระดับมหานคร จึงอยากเห็นคอนโดมิเนียมในแบบที่เมืองใหญ่ๆ มี จึงนำระบบจอดรถอัจฉริยะเข้ามาใช้ในโครงการที่มี 219 ยูนิต มูลค่ารวม 2,400 ล้านบาท
“เราใช้เงินลงทุนระบบจอดรถทั้งโครงการไป 70 ล้านบาท ทั้งที่เป็นที่จอดรถรวมก็เป็นที่ระบบจอดอัจฉริยะที่ลูกค้าไม่ต้องขับรถไปจอดเอง ระบบจะนำรถไปจอดให้โดยอัตโนมัติทั้งตอนเข้าและออก และที่จอดรถส่วนตัวสำหรับห้อง เซอร์เคิล เพรสซิเดนท์เชียล สวีท ในส่วนวิลลาซึ่งมีแค่ 15 ห้องชุด โดยมีลิฟต์ที่ส่งรถพร้อมคนขับให้ขึ้นไปจอดได้ถึงห้อง เป็นจุดขายที่ลูกค้าซึ่งเป็นคนรักรถอยู่แล้วชอบมาก ทำให้ทั้ง 15 ห้องที่มีราคาขายเริ่มตั้งแต่ 30 ล้านบาท ถูกจองหมดแล้ว” ซีอีโอ เฟรเกรนท์ กรุ๊ป กล่าว
คอนโดมิเนียมในแนวคิดนี้มีในมหานครใหญ่ๆ อย่างนิวยอร์ก ซึ่ง ดูอัน เล่าว่า เป็นที่พักสุดหรูของเหล่าดาราฮอลลีวูดที่ต้องการความเป็นส่วนตัวสูง ไม่ให้ปาปาราซซีตามถ่ายรูปได้ในขณะที่ขึ้นหรือลงจากรถ หรือตัวอย่างล่าสุดในสิงคโปร์ บริษัท เคโอพี พร็อพเพอร์ตี้ ได้เปิดโครงการอพาร์ตเมนต์หรู แฮมิลตัน สกอตส์ ในย่านธุรกิจถนนออร์ชาร์ด ด้วยคอนเซปต์เดียวกัน ขายในราคาตั้งแต่ 245 ล้านบาท ไปจนถึง 750 ล้านบาท เลยทีเดียว
นอกจากการนำไฮเทคโนโลยีมาใส่ในโครงการหรูจนกลายเป็นจุดขายใหม่ที่ไม่เหมือนใครแล้ว อีกเหตุผลหนึ่งที่มองดูอาจจะสวนทางกับความไฮเทค คือ ความพยายามนำแนวคิดคืนสู่ธรรมชาติมาใช้ในโครงการให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ดูอัน อธิบายว่า เมื่อสามารถนำรถขึ้นมาจอดบนห้องตัวเองได้ อารมณ์ก็จะเหมือนอยู่บ้านเดี่ยวที่ทุกคนรับรู้ได้ว่า การอยู่ในแนวราบมีความใกล้ชิดกับธรรมชาติมากกว่าอยู่บนอาคารสูง
แต่นั่นคงเป็นเหตุผลเพียงส่วนเล็กๆ น้อยๆ ของโครงการเซอร์เคิล สุขุมวิท 11 ถ้าดูจากแนวคิดหลักของโครงการที่ต้องการนำเสนอแนวคิด Eco-Luxury มาใช้ ไม่ว่าจะเป็นระบบปรับอากาศที่ช่วยลดการใช้ไฟฟ้า และยังสามารถนำความร้อนจากเครื่องปรับอากาศมาทำน้ำร้อนใช้สำหรับอาบได้ ระบบกระจกส่องชั้นป้องกันความร้อนผ่านเข้าห้อง เพื่อลดการใช้เครื่องปรับอากาศ หรือแม้กระทั้งผนังด้านนอกที่เป็นเปลือกของอาคารใช้ผนังที่เป็นดินเผาที่มีช่องระบายความร้อนลดการถ่ายเทความร้อนเข้าสู่อาคาร เป็นต้น
ทั้งหมด ดูอัน มองว่า แม้จะต้องลงทุนแพงกว่าเท่าตัว แต่เรามองไประยะยาวก็ถือว่าลูกค้าได้อะไรคุ้มกว่า ซึ่งสิ่งที่ทำมาทั้งหมดในโครงการนี้ จะมองว่าเป็นการสร้างจุดขายใหม่ๆ ให้สามารถแข่งขันในตลาดก็คงไม่ผิด แต่บริษัทมองไปมากกว่าการสร้างจุดขาย แต่เป็นเรื่องของการสร้างมาตรฐานที่เราต้องการจะเป็น เพื่อก้าวต่อไปในการแข่งขันในระดับนานาชาติ หลังการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ซึ่งบริษัทตั้งเป้าหมายที่จะก้าวสู่ตลาดที่ใหญ่ขึ้นในอนาคตอันใกล้นี้


