แห่ตรวจบัญชีดำเดือนละล้านราย

นายนิวัฒน์ กาญจนภูมินทร์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ข้อมูลเครดิตไทย (เครดิตบูโร) เปิดเผยในช่วงเดือน ก.พ. ที่ผ่านมา ยอดการตรวจสอบประวัติทางการเงินของประชาชนผ่านเครดิตบูโรพุ่งขึ้นเป็น 9 แสนรายการ จากเดือน ม.ค. ที่มียอดการตรวจสอบประวัติการเงินแค่ 8 แสนราย หรือเพิ่มขึ้น 10% แต่ถ้าเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนปริมาณการตรวจสอบประวัติทางการเงินเพิ่มขึ้นกว่า 20%

ทั้งนี้ สาเหตุที่ยอดการตรวจสอบประวัติทางการเงินเพิ่มขึ้น เนื่องจากสถาบันการเงินชะลอการให้สินเชื่อ และมีความเข้มงวด ทำให้การวิเคราะห์สินเชื่อลูกค้ารัดกุมมากขึ้น และสถาบันการเงินก็เริ่มหันมาแข่งขันการปล่อยสินเชื่อส่วนบุคคลมากขึ้น ทำให้ปริมาณการตรวจสอบประวัติการเงินของลูกค้าในเครดิตบูโรเพิ่มขึ้นตามไปด้วย

ขณะที่ประชาชนก็เริ่มหันมาขอประวัติการเงินส่วนตัวมากขึ้นจากเดือนละ 1.61.7 หมื่นราย เพิ่มเป็น 2 หมื่นราย หรือเพิ่มขึ้น 5% เพื่อใช้เป็นหลักฐานในการยื่นขอสินเชื่อ

อย่างไรก็ตาม หลังจากที่รัฐบาลมีมาตรการช่วยเหลือผู้เป็นหนี้นอกระบบให้เข้ามาลงทะเบียนที่ธนาคารของรัฐนั้น คาดว่ายอดการเข้ามาเช็กประวัติข้อมูลจะเข้ามาเดือน มี.ค.พ.ค.นี้ และผลจากมาตรการขยายระยะเวลาลดค่าธรรมเนียมการโอน การจดจำนองเพื่อกระตุ้นธุรกิจอสังหาริมทรัพย์จะทำให้มีการขอสินเชื่อซื้อบ้านเพิ่มขึ้นเช่นกัน แต่ขณะนี้ยังไม่เห็นสัญญาณที่ชัดนักมีแค่หลักหมื่นต้นๆ เท่านั้น ไม่เหมือนการขยายสินเชื่อส่วนบุคคลหรือบัตรเครดิตที่มีอัตราการเติบโตที่สูงมาก

นายนิวัฒน์กล่าวว่า ขณะนี้เครดิตบูโร เร่งพัฒนาระบบเครดิตสกอริ่ง ซึ่งเป็นระบบให้คะแนนประวัติทางการเงินลูกค้า เพื่อประกอบกพิจารณาสินเชื่อคาดว่าจะใช้ได้ประมาณ 12 เดือนนี้ พร้อมทั้งจะเปิดให้ลูกค้าให้สามารถขอเช็คประวัติทางการเงินได้ทางเครื่องเอทีเอ็มของธนาคารพาณิชย์ได้ในเร็วๆนี้เช่นกัน

สำหรับการยกเว้นค่าธรรมเนียมหรือให้สิทธิผู้บริโภคตรวจสอบประวัติทางเงินฟรีละครั้งนั้น จะต้องมีการแก้ไขกฎหมายโดยแก้ข้อที่ให้สถาบันการเงินทุกแห่งจะต้องส่งข้อมูลรายงานประวัติการชำระเงินให้กับผู้บริโภค และให้เครดิตบูโรทำหน้าที่รวบรวมประวัติทางการเงินทุกสถาบันการเงินส่งรายงานต่อผู้บริโภค ซึ่งจะได้ไม่ต้องส่งรายงานรายธนาคารซึ่งทำให้ข้อมูลกระจัดกระจาย