ซีเคพาวเวอร์ประเดิม
‘โฮลดิงคอมพานี’เกณฑ์ใหม่มี5บริษัทจ่อจดทะเบียนเพิ่ม
‘โฮลดิงคอมพานี’เกณฑ์ใหม่มี5บริษัทจ่อจดทะเบียนเพิ่ม
ซีเค พาวเวอร์ ประเดิมรับเกณฑ์โฮลดิง คอมพานี นำหุ้นเข้าจดทะเบียนปลายปีนี้ ตลาดประเมินมีอีก 5 บริษัท ศักยภาพเข้าเกณฑ์โฮลดิง
นายปลิว ตรีวิศวเวทย์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ช.การช่าง (CK) กล่าวในฐานะประธานกรรมการ บริษัท ซีเค พาวเวอร์ ว่า ภายในปีนี้ หรือต้นปี 2555 เตรียมจะนำ ซีเค พาวเวอร์ เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ตามเกณฑ์การรับหลักทรัพย์บริษัทโฮลดิง คอมพานี ซึ่งตลาดหลักทรัพย์ได้มีการปรับเกณฑ์และมีผลบังคับใช้ 1 ก.ย.นี้ โดยแต่งตั้งให้ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB) บริษัท เคทีบี แอดไวซ์เซอรี่ และบริษัท แอดไวเซอรี่ พลัส เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน
ทั้งนี้ ซีเค พาวเวอร์ เป็นโฮลดิง มีบริษัทแกนทำธุรกิจใน สปป.ลาว คือ เขื่อนน้ำงึม 2 ซึ่งผลิตไฟฟ้าพลังน้ำ กำลังการผลิต 615 เมกะวัตต์ และได้เริ่มขายไฟฟ้าให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ตั้งแต่เดือน มี.ค. 2554 โดยคาดว่าจะขายหุ้นในสัดส่วน 20% ของทุนจดทะเบียน 9,200 ล้านบาท จะทำให้สัดส่วนการถือหุ้นของ ช.การช่าง ใน ซีเค พาวเวอร์ ลดลงเหลือไม่ต่ำกว่า 30% จากปัจจุบัน 38%
สำหรับวัตถุประสงค์ของการใช้เงินเพื่อนำไปลงทุนพลังงานไฟฟ้าอื่นๆ เช่น โซลาร์เซลล์ พลังงานความร้อนร่วม (โคเจน) หรือลงทุนในเขื่อนใหม่ ซึ่งมีความเป็นไปได้ว่าจะเป็นที่ลาว หรือประเทศอื่นในแถบนี้ ทั้งพม่า เวียดนาม
นายปลิว กล่าวว่า การปรับปรุงเกณฑ์ดังกล่าวทำให้บริษัทที่ไปลงทุนต่างประเทศสามารถนำหุ้นเข้ามาจดทะเบียนในตลาดหุ้นไทยได้
นายปลิว กล่าวว่า ปีนี้ ช.การช่าง ทำสถิติสูงสุดทั้งกำไรสุทธิจากการดำเนินงานซึ่งไม่รวมรายการพิเศษอื่น จะสูงกว่าปีที่ผ่านมาเช่นกันและทำสถิติสูงสุดด้วย เนื่องจากอัตรากำไรขั้นต้นได้ขยับขึ้นมาเป็น 910% จาก 45% ในปีที่ผ่านมา เนื่องจากมีการปรับปรุงวิธีการทำงานให้มีประสิทธิภาพด้วยการพึ่งเครื่องจักรมากขึ้น
นางพรรณวดี ลดาวัลย์ ณ อยุธยา ผู้อำนวยการฝ่ายสรรหาบริษัทจดทะเบียนต่างประเทศ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย กล่าวเสริมถึงเกณฑ์โฮลดิง คอมพานี ว่า ตลาดหลักทรัพย์ได้ปรับปรุงเกณฑ์ให้มีความยืดหยุ่นมากขึ้น โดยลดสัดส่วนการถือหุ้นของบริษัทโฮลดิงในบริษัทย่อยที่เป็นธุรกิจหลักเป็นมากกว่า 50% จากเดิมไม่น้อยกว่า 75% เพื่อรองรับบริษัทไทยและบริษัทต่างประเทศที่จัดตั้งในประเทศไทย แต่มีการไปลงทุนในต่างประเทศให้สามารถใช้ตลาดหุ้นเป็นแหล่งระดมทุนได้
ทั้งนี้ จากข้อมูลพบว่าบริษัทไทยไปลงทุน 4 ประเทศ คือ ลาว พม่า เวียดนาม และกัมพูชา ซึ่งเป็นประเทศเป้าหมายหลักนั้น มีจำนวนประมาณ 100 บริษัท ประเมินในเบื้องต้นว่าในจำนวนนี้มี 5 บริษัท ที่มีศักยภาพเข้าจดทะเบียนตามเกณฑ์โฮลดิง คอมพานี แต่ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับนโยบายของบริษัทแม่
ด้านแหล่งข่าวจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) กล่าวว่า บริษัทที่ยื่นความจำนงจะเข้าจดทะเบียนเป็นโฮลดิง คอมพานี ส่วนใหญ่เป็นบริษัทไทยที่มีบริษัทลูกลงทุนในประเทศเพื่อนบ้านในประเภทธุรกิจนิคมอุตสาหกรรม อาหาร และโรงไฟฟ้า


