posttoday

PTT ประกาศปี65 ขับเคลื่อนประเทศไทยด้วยพลังงานสะอาด

04 ตุลาคม 2565

ปตท.เผยแนวโน้มปีหน้าราคาน้ำมันลดลง ที่ระดับ85-95 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล เร่งเครื่องพลังงานสะอาดหนุนประเทศไทยก้าวสู่ Net Zero

นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ PTT กล่าวกล่าวในหัวข้อ “ซีอีโอ Big Crop สู่ธุรกิจแห่งอนาคต” งานสัมมนา Thailand Economic Outlook 2023 ว่า อย่างที่ทราบกันดีว่า ปีนี้ ราคาพลังงานมีราคาที่สูงมากค่าเฉลี่ยทั้งปี 2565 จะอยู่ที่บวกลบ 90-100 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

ส่วนแนวโน้ม ปี2566 น่าจะดีขึ้น คาดว่าราคาน้ำมันดิบดูไบจะอยู่ที่ระดับ 85-95 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนผลกระทบต่อเศรษฐกิจจะรุ่นแรงน้อยกว่าปี 2565 แน่นอน สำหรับราคาก๊าซธรรมชาติ (LNG) ก็เช่นกัน  ช่วงปีหน้าราคาก็น่าจะถูกลงกว่าปีนี้

นายอรรถพล กล่าวว่า ภาคพลังงานมีความท้าทายมาก ดังนั้นจะต้องคำนึงคือ 

1. การบริหารงานจะต้องบาลานซ์ให้ดีระหว่างความมั่นคงด้านพลังงานและตัวซัพพลายในการที่จะต้องบริหารอย่างไรให้พร้อมใช้งาน 
2. พลังงานมีผลโดยตรงกับสิ่งแวดล้อม ดังนั้น จะทำอย่างไรให้กระทบกับสิ่งแวดล้อมให้น้อยที่สุด โดยเฉพาะการกระทบด้านราคา เพราะเมื่อต้องการพลังงนที่กระทบสิ่งแวดล้อมน้อยจะต้องเลือกใช้พลังงานสะอาดแต่ราคาแพง ส่วนราคาน้ำมันเมื่อยิ่งมีราคาสูงก็จะยิ่งกระทบกับเศรษฐกิจ ถือเป็นความท้าทาย

สำหรับการดำเนินงาน ปตท. ได้โฟกัสใน 3 เรื่องคือ 
1. การบริหารต่อหน่วยต้องให้มีประสิทธิภาพ เช่น ค่าความร้อนตั้งต้น และระหว่างการขนส่งที่เกิดขึ้นถึง 60% 
2. สิ่งแวดล้อม ต้องพัฒนาพลังงานให้เกิดผลกระทบน้อยสุด 
และ 3. การผลิตพลังงานจะไม่ให้ปลดปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ออกมาเป็นศูนย์คงเป็นไปไม่ได้ 

ดังนั้น จะต้องใช้เทคโนโลโนยีการดักจับและการจัดเก็บคาร์บอน หรือ CCS เข้ามาช่วย
 

 
 

นอกจากนี้ ในภาพรวมระยะยาวจะยังไม่เปลี่ยนทันทีแม้ราคาสูง แต่ด้วยเทรนด์การเปลี่ยนโลกที่ต้องไปในทิศทางพลังงานสะอาด ดังนั้น การบริหการงานตามความท้าทายเดิม เช่น ถ่านหิน น้ำมัน และก๊าซธรรมชาติ จะต้องบริกหารอย่างไรให้ก้าวสู่พลังงานสะอาด ดังนั้น ถ่านหินถือว่าผ่านจุดที่เคยใช้ในปริมาณที่มากแล้ว ก็อาจจะกระตุกบ้าง แต่ระยะยาวต้องลดลงแน่ ส่วนน้ำมันจะยังคงอยู่ และจะค่อย ๆ ลดลงในอีก 10 ปีข้างหน้า ในขณะที่ก๊าซธรรมชาติถือเป็นเชื้อเพลิงทีมีอนาคตเพราะสะอาดสุด

“เราจะเปลี่ยนรูปแบบการใช้พลังงาน โครงสร้างพื้นฐานสำคัญ รวมถึงจะต้องใช้เงินลงทุนด้วย ซึ่งโลกกำลังไปสู่พลังงานสะอาด โดยอนาคตต้นทุนก็ลดลงด้วย ทั้ง แผลโซลาร์ และวิน หรือ แม้แต่แบตเตอรี่ ต่างมีราคาลดลง 10 เท่า ตลอดระยะเวลา10 ปีที่ผ่านมา จากข้อมูลพบว่า เงินลงทุนที่ใส่เปลี่ยนพลังงานในอนาคต ทั้งดีมานด์ และซัพพลายเติบโตอย่างมีนัยยะสำคัญ โดยปีที่ผ่านมาได้มีการคาดการเงินลงทุนด้านไฮโดรเจน เทคโนโลยี CCS รวมกว่า 7 แสนล้านดอลลาร์ เพื่อเข้าสู่โก กรีนและโก อิเล็กทริก”
 

สำหรับธุรกิจปตท. มองความท้าทายระดับองค์กรทั้งประเทศ โดยช่วง 20-30 ปีที่ผ่านมา ดำเนินธุรกิจเพื่อสร้างความมั่นคงให้กับประเทศ อุตสาหกรรมบางตัวต้องเปลี่ยนแปลง ด้วยพลังงานข้างหน้าเริ่มไม่แน่นอน จึงต้องใช้หลักการอย่าแทงหวยตัวเดียว โดยองค์กรต้องปรับตัวเองให้เห็นทั้งลูกค้าและคู่ค้า จึงปรับวิสัยทัศน์จากเดิม “thai premier league multinational energy company” เป็น “powering life with future energy and beyond” หรือการขับเคลื่อนทุกชีวิตด้วยพลังแห่งอนาคต

“เพื่อสร้างความมั่นคงให้กับประเทศ จากที่ทำดีอยู่แล้วจึงปรับเป็นองค์กรที่เป็นพลังขับเคลื่อนทุกชีวิต ทำมิติด้วยพลังงานแห่งอนาคต นำเทคโนโลยีมาพัฒนาพลังงานต่างๆ รวมถึงระบบไฮโดรเจนที่ตั้งเป้าหมายศึกษาอย่างจริงจัง ส่วนธุรกิจเดิมจะเริ่มออกไปนอกธุรกิจพลังงานเพื่อกระจายความเสี่ยง พร้อมเสริม new s curve ประเทศ ตามนโยบายรัฐบาล”

ทั้งนี้ เพื่อตอบโจทย์การเติบโตสู่ธุรกิจพลังงานอนาคต และธุรกิจใหม่ที่ไปไกลกว่าพลังงาน กลุ่มปตท. จึงได้จัดพอร์ตลงทุนธุรกิจใหม่ใน 6 ด้านที่เป็นเทรนด์ใหม่ผ่านบริษัทในเครือปตท.และการตั้งบริษัทใหม่ ได้แก่ 1. New Energy 2. Life Science 3. Mobility & Lifestyle 4.High Value Business 5. Logistics & Infrastructure และ 6. AI & Robotics Digitalization

สำหรับเป้าหมาย Net Zero นั้น ทั้งกลุ่มปตท.ได้รวมตัวทุกบริษัทจะต้องประกาศเป้าหมายและทำให้ได้ก่อนเป้าหมายประเทศในปี 2065 เพื่อเพื่อช่วยหนุนเป้าหมายประเทศด้วย โดยกำหนดเป้าหมาย Net Zero ในปี2050 อาทิ เพิ่มพอร์ตพลังงานสะอาดเป็น 1.2  หมื่นเมะวัตต์ ปลูกป่าจาก 1 ล้านไร่เป็น 2 ล้านไร่ จากเดิม 1 ล้านไร่ ช่วยดูดซับคาร์บอนได้ปีละ 2 ล้านตัน เป็นต้น
 


 

ติดตาม "โพสต์ทูเดย์" ผ่านช่องทางต่างๆ ได้ที่
facebook : https://www.facebook.com/Posttoday
Twitter:  https://twitter.com/PostToday
Website :  http://www.posttoday.com/
Youtube: https://www.youtube.com/posttoday
Instagram: https://www.instagram.com/posttoday_online/