รื้อแผน‘สถานีไอซีดี’

เพิ่มเงื่อนไขขนส่งรางมากขึ้น ยกระดับขีดความสามารถ

“ชัชชาติ” สั่งทบทวนแผนการจัดการไอซีดีลาดกระบัง เพิ่มเงื่อนไขใหม่ ใช้งานขนส่งสินค้าทางรางให้มากขึ้น

นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ รมช.คมนาคม เปิดเผยว่า ได้สั่งให้สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) และการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) เร่งทบทวนแผนการบริหารจัดการสถานีบรรจุและแยกสินค้ากล่อง (ไอซีดี) โดยเพิ่มเงื่อนไขว่า เอกชนที่เข้ามารับสัมปทานจะต้องหันมาใช้ประโยชน์ในการขนส่งสินค้าทางรางให้มากขึ้น ขณะเดียวกันไม่จำกัดว่าผู้ที่จะเข้ามาบริหารไอซีดีจะต้องเป็นเอกชนรายใหญ่เพียงรายเดียว

“จากผลการศึกษาของบริษัทที่ปรึกษาก่อนหน้านี้ ระบุว่า ร.ฟ.ท.จะมีรายได้เพิ่มจากไอซีดีลาดกระบังด้วยการให้สัมปทานแก่เอกชนน้อยรายจะเกิดผลดีที่สุด แต่ได้สั่งให้ไปทบทวนเรื่องนี้ใหม่ก่อนเสนอให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบ โดยให้ ร.ฟ.ท.เพิ่มเงื่อนไขการใช้ประโยชน์ระบบรางที่มีอยู่ให้มากขึ้นเป็นประเด็นหลัก ส่วนค่าเช่าให้เป็นเรื่องรอง เพราะต้องการให้ความสำคัญเรื่องการขนส่งสินค้าทางรางให้มากที่สุด” นายชัชชาติ กล่าว

สำหรับการบริหารจัดการพื้นที่ไอซีดีลาดกระบังในปัจจุบัน เป็นการเปิดให้เอกชนรายเดิมทั้ง 6 บริษัท ดำเนินการไปจนกว่าจะเปิดประกวดราคาหาเอกชนรายใหม่เข้ามาบริหาร เนื่องจากสัญญาสัมปทานสิ้นสุดตั้งแต่วันที่ 5 มี.ค. 2554 ส่วนเอกชนที่ดำเนินการได้แก่ บริษัท สยามชอร์ไซด์ เซอร์วิส บริษัท อีสเทิร์นซี แหลมฉบัง เทอร์มินัล บริษัท เอเวอร์กรีน คอนเทนเนอร์ เทอร์มินัล (ประเทศไทย) บริษัท ทิฟฟ่า ไอซีดี บริษัท ไทยฮันจินโลจิสติกส์ และบริษัท เอ็น.วาย.เค.ดิสทริบิวชั่น เวอร์วิส (ประเทศไทย)

นายชัชชาติ กล่าวต่อไปว่า เอกชนที่มีแนวโน้มจะเข้าร่วมประกวดราคาเพื่อบริหารจัดการไอซีดีลาดกระบัง น่าจะเป็นเอกชนรายเดิมที่มีประสบการณ์การทำงานมานาน และมีศักยภาพในการจัดการพื้นที่ให้เกิดประโยชน์ได้มากกว่าเดิม โดยนำเทคโนโลยีที่ทันสมัยเข้ามาช่วยเสริมประสิทธิภาพ การทำงานได้มากยิ่งขึ้น

ทั้งนี้ ปัจจุบันการขนส่งตู้สินค้าทางรถไฟระหว่างไอซีดีลาดกระบัง-ท่าเรือแหลมฉบัง ขนส่งวันละ 28 ขบวน (เที่ยวไป-เที่ยวกลับ) สามารถบรรทุกสินค้าได้ขบวนละ 30 โบกี้ ซึ่งจะสามารถเพิ่มปริมาณขนส่งตู้ทางรถไฟได้ถึงวันละ 36 ขบวน หาก ร.ฟ.ท.สามารถจัดหารถจักรและแคร่บรรทุกตู้สินค้ามาให้บริการเพิ่มจากจำนวนที่มีอยู่ได้

ขณะเดียวกันเมื่อทางรถไฟฉะเชิงเทรา-ศรีราชา-แหลมฉบัง ได้ก่อสร้างเป็นทางคู่เสร็จเรียบร้อย จะช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการขนส่งสินค้าระหว่างไอซีดีลาดกระบัง-ท่าเรือแหลมฉบัง ได้วันละ 48 ขบวน