ปูนนครหลวงบุกกัมพูชา
ปูนซีเมนต์นครหลวงเซ็นเอ็มโอยู สร้างโรงปูนในกัมพูชา เล็งจ่ายเงินปันผลน้อยลงจำเป็นต้องใช้เงินลงทุน
ปูนซีเมนต์นครหลวงเซ็นเอ็มโอยู สร้างโรงปูนในกัมพูชา เล็งจ่ายเงินปันผลน้อยลงจำเป็นต้องใช้เงินลงทุน
น.ส.จันทนา สุขุมานนท์ รองประธานคณะผู้บริหาร ด้านการตลาดและการขาย บริษัท ปูนซีเมนต์นครหลวง (SCCC) เปิดเผยว่า ขณะนี้บริษัทได้ลงนามในบันทึกความเข้าใจ (MOU) กับประเทศกัมพูชา ที่จะลงทุนก่อสร้างโรงงานผลิตปูนซีเมนต์ในกัมพูชา หลังจากบริษัทได้เข้าไปทำธุรกิจในลักษณะการแต่งตั้งตัวแทนจำหน่ายในประเทศและมีส่วนแบ่งตลาดสูงขึ้นมาที่ 40% แล้ว
นอกจากนี้ บริษัทยังสนใจลงทุนในพม่าแต่ยังติดปัญหาการเมืองยังไม่นิ่ง รวมทั้งกฎหมายเกี่ยวกับการนำเงินเข้า-ออกจากประเทศพม่า ซึ่งหากมีความชัดเจนแล้วก็คาดว่าจะสามารถลงทุนได้ทันที โดยเฉพาะในหมวดปูนซีเมนต์ ซึ่งอาจจะมีทั้งรูปแบบการซื้อโรงงานเก่าและลงทุนสร้างโรงงานใหม่ รวมทั้งจะลงทุนอย่างต่อเนื่องในอนาคต โดยเน้นพื้นที่อาเซียน
น.ส.จันทนา กล่าวว่า ปัจจุบันบริษัทจ่ายปันผลในอัตรา 91% ของกำไรสุทธิ ซึ่งในปีที่ผ่านๆ มาจ่ายมากกว่า 90% ทุกปี แต่หากมีความจำเป็นในการลงทุนก็อาจจะจ่ายปันผลน้อยลงเหลือสัดส่วนประมาณ 50-60% ของกำไรสุทธิเหมือนบริษัทอื่นๆ แต่หากอัตราดอกเบี้ยยังต่ำ ก็สามารถคงอัตราจ่ายปันผลในระดับเดิมได้
ก่อนหน้านี้ SCCC เปิดเผยว่า บริษัทมีแผนจะตั้งโรงงานปูนซีเมนต์ที่เมืองกำปอด ประเทศกัมพูชา มูลค่าการลงทุนประมาณ 150 ล้านเหรียญ หรือประมาณ 4,500 ล้านบาท กำลังการผลิตรวมประมาณ 2,500-3,200 ตันต่อวัน ขณะนี้อยู่ระหว่างศึกษาแผนการลงทุน จะได้ข้อสรุปในปีนี้ จากนั้นใช้เวลาสร้าง 2 ปี และเริ่มผลิตได้ในปี 2558
ทั้งนี้ บริษัท ปูนซีเมนต์นครหลวง เป็นโรงปูนแห่งที่สองที่มีเป้าหมายชัดเจนในการขยายการลงทุนไปในภูมิภาคนี้ แทนการลงทุนในประเทศไทย เพราะตลาดใหญ่กว่ามากและยังใช้เงินลงทุนในจำนวนที่น้อยกว่าอีกด้วย
ด้านการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงส่งสัญญาณไม่สู้ดีนัก ดัชนีหุ้นไทยภาคเช้าขึ้นไปทดสอบเหนือ 1,200 จุด สวนทางตลาดเอเชียส่วนใหญ่ที่อ่อนตัวลง แต่เมื่อเปิดตลาดในภาคบ่าย หุ้นแดงเถือกทั่วยุโรป ทุบหุ้นไทยรูดลงแรงกว่า 8 จุด ก่อนฟื้นมาปิดที่ระดับ 1,189.35 จุด ติดลบ 5.25 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขายบางตา 24,800.84 หมื่นล้านบาท แต่ต่างชาติยังซื้อสุทธิอีก 797 ล้านบาท
มาร์เก็ตติง กล่าวว่า วันนี้ยังคงมีโอกาสอ่อนตัวลงต่อเนื่อง โดยตลาดรอผลการประมูลพันธบัตรฝรั่งเศส และการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินสหรัฐ (เฟด) ในวันที่ 24-25 เม.ย.นี้
“ในช่วงนี้นักลงทุนจะหันไปเก็งกำไรหุ้นตัวเล็กและกลาง แทนหุ้นตัวใหญ่ที่มีแรงขายของนักลงทุนสถาบันในประเทศและนักลงทุนต่างชาติ” มาร์เก็ตติง กล่าว
บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ระบุว่า เงินบาทอ่อนค่าลงเข้าใกล้ระดับ 31.00 บาทต่อเหรียญสหรัฐ ท่ามกลางแรงขายสินทรัพย์เสี่ยง สกุลเงินเอเชีย และเงินยูโร ซึ่งถูกกดดันจากความกังวลเกี่ยวกับวิกฤตหนี้ยุโรปที่อาจทวีความรุนแรงขึ้น ตามความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจและการเมือง


