posttoday

จับตาน้ำมันโลกขาขึ้น 'ศิริ'คาดแตะ80-90ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรลช่วงสั้น

20 มกราคม 2561

"ศิริ" ชี้ น้ำมันโลก ปี 2561 ขาขึ้น คาดแตะ 80-90 ดอลลาร์/บาร์เรลช่วงระยะสั้น สั่ง สนพ.รับมือลดผลกระทบประชาชน

"ศิริ" ชี้ น้ำมันโลก ปี 2561 ขาขึ้น คาดแตะ 80-90 ดอลลาร์/บาร์เรลช่วงระยะสั้น สั่ง สนพ.รับมือลดผลกระทบประชาชน

นายศิริ จิระพงษ์พันธ์ รมว.พลังงาน เปิดเผยว่า แนวโน้มสถานการณ์ราคาน้ำมันดิบอ้างอิงตลาดเบรนต์ทรงตัว อยู่ในระดับสูง 70 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล และมีโอกาสเคลื่อนไหวผันผวนขึ้นไป แตะที่ระดับ 80-90 ดอลลาร์/บาร์เรลในระยะสั้น หากเกิดสถานการณ์ทางการเมืองระหว่างประเทศจนส่งผลกระทบ ต่อกำลังการผลิตน้ำมันของโลก ก็อาจ ทำให้ราคาน้ำมันผันผวนไปในทิศทาง ที่เพิ่มขึ้นไปถึงระดับ 80-90 ดอลลาร์/บาร์เรลได้

ทั้งนี้ กระทรวงพลังงาน ยืนยันว่ามีมาตรการดูแลผลกระทบจากราคาน้ำมันราคาสูงขึ้นให้กับประชาชน แต่ไม่ใช่การตรึงราคาขายปลีกน้ำมันในประเทศ เพราะเห็นว่าความจำเป็นในการตรึงราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลในประเทศไว้ไม่ให้เกินระดับ 30 บาท/ลิตร ไม่น่าจะเป็นประโยชน์ต่อภาคธุรกิจ รวมถึงระบบเศรษฐกิจของประเทศ โดยได้มอบหมายให้สำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) ศึกษาแนวทางดูแลเสถียรภาพราคาน้ำมัน เพื่อเตรียมนำเสนอเข้าที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานเห็นชอบในการประชุมครั้งต่อไปในเร็วๆ นี้

"ขณะนี้ราคาน้ำมันดีเซลเคลื่อนไหวประมาณ 27-28 บาท/ลิตร กระทรวงพลังงานจะต้องติดตามดูแลไม่ให้เกิดผลกระทบต่อผู้บริโภค แต่จะเป็นวิธีการแบบใดนั้นขึ้นอยู่กับแนวทางการศึกษาของ สนพ. แต่เบื้องต้นมองว่าการตรึงราคาไม่ใช่ทางออกที่ดีที่สุดของระบบเศรษฐกิจอย่างแน่นอน" นายศิริ กล่าว

นายวิฑูรย์ กุลเจริญวิรัตน์ อธิบดีกรมธุรกิจพลังงาน (ธพ.) กล่าวว่า อยู่ระหว่างศึกษาแนวทางการปรับลดปริมาณสำรองน้ำมันของประเทศที่ปัจจุบันอยู่ที่ 6% คิดเป็นปริมาณ 31 ล้านบาร์เรล สามารถใช้ได้ 43 วัน ซึ่งมีความเป็นไปได้ที่อาจจะปรับลดปริมาณการสำรองลงเหลือ 4% ช่วยลดต้นทุนลงได้ 25 สตางค์/ลิตร เบื้องต้นยืนยันว่ามีกลไกกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงที่อยู่ในขอบเขตที่กระทรวงพลังงานสามารถดูแลได้ในระยะสั้น ไม่ใช่มาตรการดูแลระยะยาว ส่วนแนวคิดการนำมาตรการภาษีเข้ามาดูแลนั้น คงนำมาใช้เฉพาะในกรณีที่มีความจำเป็นจริงๆ เท่านั้น และขึ้นอยู่กับกระทรวงการคลังเป็นหน่วยงานหลัก

แหล่งข่าวจากบริษัท ปตท. เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการ บริษัท ปตท. วันที่ 19 ม.ค.นี้ ได้พิจารณาความคืบหน้าการแยกธุรกิจน้ำมันและค้าปลีกของ ปตท.ไปเป็นบริษัท ปตท.น้ำมันและการค้าปลีก (พีทีทีโออาร์) เพื่อให้การโอนทรัพย์สินทำได้รวดเร็วขึ้น และมีการเสนอให้เปลี่ยนเครื่องหมายการค้า "PTT" เป็น "PTTOR" เพราะหากจะใช้เครื่องหมายการค้า "PTT" ต่อไป ก็ต้องเข้าสู่กระบวนการของ พ.ร.บ.การให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ (พีพีพี) ที่ต้องใช้ระยะเวลานาน เบื้องต้นคาดว่าจะโอนทรัพย์สินแล้วเสร็จในปลายปีนี้ เพื่อให้ทันการกระจายหุ้นเข้าตลาดหลักทรัพย์ในปี 2562

นอกจากนี้ ที่ประชุมยังได้พิจารณา เห็นชอบแต่งตั้งคณะกรรมการสรรหาประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการ ผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. คนใหม่ แทนนายเทวินทร์ วงศ์วานิช ที่จะสิ้นสุดวาระในวันที่ 31 ส.ค. 2561 โดยแต่งตั้ง พล.อ. ฉัตรเฉลิม เฉลิมสุข เป็นประธาน และมีกรรมการคือ นายสมชัย สัจจพงษ์ ปลัดกระทรวงการคลัง นายธรรมยศ ศรีช่วย ปลัดกระทรวงพลังงาน นายกิตติพงษ์ กิตยารักษ์ อดีตปลัดกระทรวงยุติธรรม และ พล.อ.ท.บุญสืบ ประสิทธิ์