posttoday

ส่องเทรนด์ AI ปี 69 ยุคทอง AI Agent พลิกโฉมธุรกิจ ปฏิวัติวงการแพทย์

12 ธันวาคม 2568

ไมโครซอฟท์เปิด 7 เทรนด์ AI ปี 2569 ยกระดับจากเครื่องมือตอบคำถามทั่วไปสู่ยุคทองของ ‘AI Agent’ พลิกโฉมธุรกิจ-วิถีชีวิต ปฏิวัติวงการแพทย์

KEY

POINTS

  • ในปี 2569 AI จะยกระดับจากเครื่องมือตอบคำถามทั่วไป สู่การเป็น AI Agent หรือเพื่อนร่วมงานดิจิทัลที่ทำงานเชิงรุก ตัดสินใจ และแก้ปัญหาซับซ้อนร่วมกับมนุษย์
  • AI จะเป็นกุญแจสำคัญในการวิจัยยา พยากรณ์อากาศแม่นยำสูง  รับมือน้ำท่วม และเร่งการพัฒนาควอนตัมคอมพิวติ้งให้ใช้งานได้จริง 
  • ข้อมูลชี้ชัดว่ามนุษย์เริ่มใช้ AI เป็นที่ปรึกษาทางใจและไลฟ์สไตล์มากขึ้น สะท้อนความสัมพันธ์รูปแบบใหม่ที่ลึกซึ้งกว่าแค่การทำงาน

 

ไมโครซอฟท์ เผยวิสัยทัศน์เทคโนโลยีแห่งอนาคต ปักหมุดปี 2569 เตรียมก้าวเข้าสู่ยุคใหม่ของปัญญาประดิษฐ์ (AI) ที่จะเปลี่ยนสถานะจากเพียง “เครื่องมือ” สู่การเป็น “คู่คิด” (Partner) อย่างเต็มรูปแบบ

 

พร้อมเปิด 7 เทรนด์สำคัญที่จะเข้ามาปฏิวัติรูปแบบการทำงาน การแพทย์ และการแก้ปัญหาระดับโลกอย่างการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ย้ำจุดยืนการพัฒนาเทคโนโลยีที่ต้องควบคู่ไปกับความปลอดภัยและความยั่งยืน

 

ส่องเทรนด์ AI ปี 69 ยุคทอง AI Agent พลิกโฉมธุรกิจ ปฏิวัติวงการแพทย์

 

เจาะลึก 7 เทรนด์ AI เปลี่ยนโลกปี 2569

 

ไมโครซอฟท์ระบุว่า เทคโนโลยี AI กำลังวิวัฒนาการไปสู่การสร้างผลลัพธ์ที่จับต้องได้จริงทั้งในภาคธุรกิจและชีวิตประจำวัน ผ่าน 7 เทรนด์สำคัญที่จะพลิกโฉมโลก ดังนี้

 

1. เพื่อนร่วมงานดิจิทัล (AI Agent) 

 

หนึ่งในเทรนด์ที่น่าจับตาที่สุดคือการเกิดขึ้นของ AI Agent ซึ่งจะเข้ามาทำหน้าที่เหมือนเพื่อนร่วมทีมคนหนึ่ง โดยไม่ได้แค่รอรับคำสั่ง แต่สามารถจัดการงานข้อมูล สร้างคอนเทนต์ หรือปรับปรุงชิ้นงานได้เอง ซึ่งจะช่วยให้ทีมขนาดเล็กสามารถสร้างผลงานที่ยิ่งใหญ่ได้ โดยมนุษย์จะถอยมาดูภาพรวมและใส่ความคิดสร้างสรรค์แทน

 

2. มาตรฐานความปลอดภัยใหม่

เมื่อเรามี AI เป็นเพื่อนร่วมทีม เรื่อง "ความปลอดภัย" จึงกลายเป็นโจทย์ใหญ่ที่มองข้ามไม่ได้เช่นกัน ไมโครซอฟท์ย้ำว่า AI Agent ทุกตัวต้องมีมาตรฐานความปลอดภัยแบบใหม่ที่ฝังอยู่ในระบบ ต้องระบุตัวตนได้ชัดเจน และมีการจำกัดสิทธิ์เข้าถึงข้อมูลเพื่อป้องกันภัยไซเบอร์ พูดง่ายๆ คือ เก่งแล้วต้องไว้ใจได้ด้วย

 

 

ลดช่องว่างทางสาธารณสุขด้วย AI

 

3. ลดช่องว่างทางสาธารณสุขด้วย AI

สิ่งที่ทำให้เทรนด์ปี 2569 น่าตื่นเต้น คือการที่ AI เข้าไปจับงานยากๆ ที่มนุษย์ทำได้ช้า เช่น การวิจัยยาและการรักษาโรค เทคโนโลยีอย่าง BioEmu-1 จะช่วยคาดการณ์โปรตีนเพื่อพัฒนายาใหม่ๆ

 

หรือโมเดล FCDD ที่ช่วยแพทย์คัดกรองมะเร็งเต้านมได้แม่นยำขึ้น ลดความผิดพลาดในการวินิจฉัย ซึ่งถือเป็นการลดช่องว่างด้านสาธารณสุขทั่วโลก รวมถึง RAD-DINO ที่สามารถวิเคราะห์ภาพเอกซเรย์ ให้ข้อมูลที่แม่นยำและรวดเร็วกับบุคลากรทางการแพทย์

 

4. หัวใจสำคัญของการวิจัยวิทยาศาสตร์และสิ่งแวดล้อม

ในฝั่งของการวิจัยวิทยาศาสตร์ AI กำลังกลายเป็น "หัวใจ" ของห้องแล็บ ช่วยนักวิจัยเร่งกระบวนการค้นพบวัสดุใหม่ๆ ช่วยสร้างสมมติฐานและควบคุมการทดลอง ผ่านเครื่องมืออย่าง MatterGen และ MatterSim เพื่อหาวัสดุดักจับคาร์บอน หรือแบตเตอรี่พลังงานสะอาดที่โลกกำลังต้องการ

นอกจากนี้ยังมี Aurora โมเดล AI ที่พยากรณ์สภาพอากาศและเหตุการณ์ทางสิ่งแวดล้อมได้อย่างแม่นยำแบบก้าวกระโดด ซึ่งสำคัญมากต่อการรับมือภาวะโลกรวน

 

 

5. โครงสร้างพื้นฐานอัจฉริยะ 

เบื้องหลังความเก่งกาจเหล่านี้ คือการเปลี่ยนผ่านโครงสร้างพื้นฐาน ไมโครซอฟท์ระบุว่า เรากำลังจะเห็น "Superfactories" หรือโรงงานผลิต AI อัจฉริยะที่กระจายตัวทั่วโลก เพื่อใช้พลังประมวลผลให้คุ้มค่าที่สุด

 

รวมถึงการมาของคอมพิวเตอร์ที่ใช้แสงในการประมวลผล (Analog Optical Computer)  แทนระบบอิเล็กทรอนิกส์ดิจิทัล  ซึ่งมีศักยภาพในการประมวลผลของ AI ได้เร็วกว่าและใช้พลังงานน้อยกว่า GPU ในปัจจุบัน

 

 Majorana 1

 

6. AI ที่เข้าใจบริบทของ "โค้ด"  

ในปี 2569 โลกจะเข้าสู่ยุค "Repository Intelligence" ที่ AI ไม่เพียงเข้าใจบรรทัดของโค้ดโปรแกรม แต่เข้าใจไปถึงประวัติและความสัมพันธ์เบื้องหลังของโค้ดทั้งหมด ทำให้สามารถให้คำแนะนำ ตรวจจับข้อผิดพลาด และแก้ไขปัญหาที่พบบ่อยได้โดยอัตโนมัติอย่างชาญฉลาด

 

7. ก้าวกระโดดสู่ยุคควอนตัม 

เทคโนโลยีควอนตัมกำลังพัฒนาอย่างรวดเร็วด้วย "Hybrid Computing" ที่ผสานควอนตัมเข้ากับ AI และซูเปอร์คอมพิวเตอร์ นำไปสู่ความสามารถในการแก้ปัญหาที่คอมพิวเตอร์ดั้งเดิมทำไม่ได้ (Quantum Advantage) โดยไมโครซอฟท์ได้เปิดตัว Majorana 1 ชิปควอนตัมตัวแรกที่ขับเคลื่อนด้วย Topological Qubits ซึ่งมีความเสถียรสูงกว่าคิวบิตแบบเดิมอย่างมาก

 

ธนวัฒน์ สุธรรมพันธุ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไมโครซอฟท์ ประเทศไทย และตลาดใหม่

 

ทางด้าน ธนวัฒน์ สุธรรมพันธุ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไมโครซอฟท์ ประเทศไทย และตลาดใหม่ ได้ขยายความให้เห็นภาพชัดเจนขึ้น โดยเฉพาะในบริบทของคนไทยที่จะได้เห็น AI เข้ามาปลดล็อกโอกาสใหม่ๆ อย่างมหาศาล โดยเฉพาะการรับมือกับความผันผวนของสภาพภูมิอากาศ

 

"เราได้พัฒนา Aurora และโมเดลตรวจจับน้ำท่วมที่ใช้ภาพเรดาร์จากดาวเทียมสำรวจโลก ซึ่งสามารถมองทะลุเมฆและทำงานได้แม้ในเวลากลางคืน ช่วยทำแผนที่พื้นที่เสี่ยงน้ำท่วมได้อย่างแม่นยำช่วยให้นักวิจัยทำแผนที่พื้นที่เสี่ยงน้ำท่วมได้อย่างแม่นยำ สิ่งนี้มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการช่วยเหลือเกษตรกร ปกป้องโครงสร้างพื้นฐาน และลดผลกระทบต่อชุมชน"

 

นอกจากนี้ ยังมีการใช้โครงการอย่าง MatterGen เพื่อค้นวัสดุดักจับคาร์บอนและพลังงานสะอาด สะท้อนให้เห็นว่า AI ไม่ใช่แค่เทคโนโลยี แต่เป็นเครื่องมือที่ช่วยสร้างความยั่งยืนให้กับโลกและสร้างผลกระทบเชิงบวกที่เป็นประโยชน์กับทุกคนได้อย่างแท้จริง 

 

ทั้งนี้ ข้อมูลจากการวิเคราะห์บทสนทนากว่า 37.5 ล้านครั้งบน Copilot ในปี 2025 ชี้ให้เห็นว่า ผู้คนเริ่มมอง AI เป็น "เพื่อนคู่คิดดิจิทัล" มากขึ้น โดยมีการใช้งานครอบคลุมตั้งแต่เรื่องสุขภาพ การทำงาน ไปจนถึงเรื่องส่วนตัวอย่างความรักและปรัชญา

 

สะท้อนว่า AI กำลังพัฒนาไปสู่การเป็นผู้ช่วยที่เข้าใจมนุษย์ ช่วยตัดสินใจ และสร้างความมั่นใจในการใช้ชีวิตประจำวัน ไม่ใช่แค่เครื่องมือถาม-ตอบอีกต่อไป

 

ข่าวล่าสุด

“ฝรั่งสามพราน” GI หนึ่งเดียวของไทย ทำรายได้ปีละกว่า 350 ล้านบาท