posttoday

CEO Meta จวก มหาวิทยาลัยสอนไม่ทันโลก เด็กจบใหม่แบกหนี้ หางานยาก

30 เมษายน 2568

Mark Zuckerberg ผู้ทรงอิทธิพลแห่งอาณาจักร Meta จวก มหาวิทยาลัยยุคนี้สอนไม่ตรงจุด! ทำเด็กจบใหม่หางานยาก แบกหนี้ท่วม

หากพูดถึงชื่อของ "มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก" ซีอีโอผู้ทรงอิทธิพลแห่งอาณาจักร Meta คงไม่มีใครไม่รู้จักเขาในวินาทีนี้

 

เพราะเขาเลือกเส้นทางชีวิตแบบแหกขนบสังคม ด้วยการ "ดรอปเรียน" จากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด เพื่อมาทุ่มเทเวลาสร้าง Facebook จนประสบความสำเร็จอย่างมหาศาล 

 

อย่างไรก็ตาม สำนักข่าว Business Insider รายงานว่า ล่าสุด "มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก" ได้ออกมาแสดงความเห็นต่อระบบการศึกษาที่ปั้น "บัณฑิต" ออกมาสู่โลกภายนอกได้อย่างน่ากังขาในยุคปัจจุบัน

 

CEO Meta จวก มหาวิทยาลัยสอนไม่ทันโลก เด็กจบใหม่แบกหนี้ หางานยาก

 

มาร์ก ตั้งขอสังเกตว่า การศึกษาในมหาวิทยาลัยยุคนี้อาจยังไม่ตอบโจทย์นักศึกษาในการเตรียมตัวเข้าสู่ตลาดแรงงานอย่างแท้จริง อีกทั้งเด็กจบใหม่ยังต้องแบกภาระหนี้สินจำนวนมหาศาล

 

แม้มหาวิทยาลัย จะเหมือนปาร์ตี้ครั้งใหญ่ในวัยเยาว์ ที่เด็กหนุ่มเด็กสาวได้ก้าวออกจากร่มเงาของบ้านเป็นครั้งแรก ได้พบปะผู้คนมากหน้าหลายตา จากร้อยพ่อพันแม่ และค้นพบ "ประสบการณ์ทางสังคม" ที่งดงามจนหล่อหลอมพวกเขาให้เติบโตเป็นผู้ใหญ่

 

แต่ประสบการณ์อันแสนสั้นในรั้วมหาวิทยาลัยเพียง 4 ปีนั้น ต้องแลกมาด้วยโซ่ตรวนแห่งหนี้สินรุงรังและที่เลวร้ายกว่านั้นคือ โซ่ตรวนนั้นฉุดรั้งพวกเขาจนก้าวไม่ถึง “งานในฝัน” 

 

เมื่อสถานการณ์เป็นแบบนี้แล้ว การศึกษาในรั้วมหาวิทยาลัย ถือว่ายังคุ้มค่าที่จะแลกหรือไม่? ซีอีโอผู้ทรงอิทธิพลแห่งอาณาจักร Meta ตั้งคำถาม

 

CEO Meta จวก มหาวิทยาลัยสอนไม่ทันโลก เด็กจบใหม่แบกหนี้ หางานยาก

ตัวเลขชี้ชัด เด็กจบใหม่หนี้บาน ตลาดงานโหด

 

ข้อมูลจาก CollegeBoard ยืนยันถึงภาระหนี้สินของนักศึกษาจบใหม่ที่เพิ่มสูงขึ้น โดยระบุว่าผู้ที่สำเร็จการศึกษาในปี 2022-2023 มีหนี้เฉลี่ยสูงถึง 29,300 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อผู้กู้หนึ่งราย ซึ่งถือเป็นจำนวนไม่น้อยเลยทีเดียว

 

ยิ่งไปกว่านั้น เด็กจบใหม่ โดยเฉพาะ Gen Z ที่เพิ่งเรียนจบในปีนี้ ยังต้องเผชิญกับตลาดงานที่แข่งขันสูงและหางานยาก ท่ามกลางกระแสการเลย์ออฟที่ยังคงมีให้เห็นอย่างต่อเนื่องทั้งในแวดวงเทคโนโลยีและหน่วยงานภาครัฐ

 

สถานการณ์นี้สอดคล้องกับผลสำรวจในปี 2024 ของ Deloitte ที่พบว่า Gen Z และ Millennial มากกว่าหนึ่งในสามตัดสินใจไม่เรียนต่อในระดับอุดมศึกษา

 

โดยให้เหตุผลหลักว่า การศึกษาในมหาวิทยาลัยต้องใช้เงินสูงลิ่ว และปัจจุบันมีทางเลือกอาชีพที่หลากหลายขึ้นซึ่งไม่จำเป็นต้องใช้ปริญญาเป็นใบเบิกทางเสมอไป

 

Mark Zuckerberg เองก็มองว่าทัศนคติเรื่องการดรอปเรียนในมหาวิทยาลัยที่เคยเป็นเหมือน "เรื่องต้องห้าม" กำลังเปลี่ยนไป 

 

เขากล่าวว่าเมื่อก่อน การจะพูดว่า "ไม่จำเป็นต้องเข้ามหาวิทยาลัย" เป็นเรื่องที่คนไม่ค่อยยอมรับนัก แต่ตอนนี้คนส่วนใหญ่เริ่มเปิดใจและยอมรับความคิดนี้มากขึ้นแล้ว เมื่อเทียบกับ 10 ปีก่อน

 

CEO Meta จวก มหาวิทยาลัยสอนไม่ทันโลก เด็กจบใหม่แบกหนี้ หางานยาก

เด็กดรอปเรียน กับมุมมองการศึกษาที่แตกต่าง

 

สำหรับมาร์ก ซักเคอร์เบิร์กเอง เขาก็จัดเป็น "เด็กดรอป" ชื่อดังคนหนึ่ง ที่ตัดสินใจลาออกจากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดในปี 2005 ในช่วงกำลังเรียนอยู่แค่ปี 2 เพื่อออกมาทุ่มเทสร้าง Facebook อย่างเต็มตัว

 

ถึงแม้จะไม่ได้เรียนจนจบตามระบบปกติ แต่ในอีก 12 ปีต่อมา มาร์กก็ได้รับปริญญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์จากฮาร์วาร์ด

 

เขายอมรับว่าช่วงเวลาที่ใช้ชีวิตอยู่ในมหาวิทยาลัยนั้นมีค่ามากอย่างปฏิเสธไม่ได้ เพราะเป็นช่วงที่ได้เจอผู้คนหลากหลายและยังมีความสำคัญต่อชีวิตเขาจนถึงปัจจุบัน

 

ทั้งภรรยา พริสซิลลา ชาน, ทีมผู้ร่วมก่อตั้ง Facebook รวมถึงเพื่อนสนิทอีกหลายคนที่ยังคงรักษามิตรภาพที่ดีต่อกันมาจนถึงทุกวันนี้

 

เขายังมองว่าการได้ใช้ชีวิตไกลบ้านด้วยตัวเองในช่วงวัย 20 ต้นๆ เป็นสิ่งสำคัญเช่นกัน

 

"ผมรู้สึกว่า ชีวิตคนเราต้องมีช่วงที่ได้อยู่ไกลบ้านบ้าง ก่อนที่เราจะออกไปเผชิญโลกกว้างอย่างเต็มตัว" 

 

CEO Meta จวก มหาวิทยาลัยสอนไม่ทันโลก เด็กจบใหม่แบกหนี้ หางานยาก

 

ทักษะแห่งยุค AI กับความสำคัญของผู้แนะแนวทาง

 

สำหรับประเด็นร้อนเรื่องปัญญาประดิษฐ์ (AI) ในแวดวงเทคโนโลยีถูกหยิบยกขึ้นมาอีกครั้ง เมื่อมีคำถามว่านักเรียนนักศึกษาควรเริ่มทำความเข้าใจเรื่องนี้ตั้งแต่มัธยมต้นหรือปลายเลยดีหรือไม่

 

มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก ให้มุมมองที่น่าสนใจว่า โลกเทคโนโลยีเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วจนน่าใจหาย และทักษะเฉพาะทางที่เรียนตอนอายุ 15 อาจกลายเป็นเรื่องล้าสมัยในอีกไม่กี่ปีต่อมา

 

ทว่า สิ่งที่สำคัญกว่าในมุมมองของเขา คือการปลูกฝังให้ผู้เรียนมี "ความเข้าใจในตัวเทคโนโลยีและรู้วิธีใช้งานอย่างถ่องแท้" ซึ่งเป็นพื้นฐานอันล้ำค่าที่จะติดตัวไปตลอด ไม่ว่าเทคโนโลยีจะวิวัฒนาการไปในทิศทางใดก็ตาม

 

นอกจากทักษะทางเทคนิคแล้ว มาร์กยังเน้นย้ำถึงคุณค่าของ Mentor หรือครูที่ดี ซึ่งมีส่วนสำคัญอย่างยิ่งต่อการเรียนรู้ในทุกศาสตร์วิชา

 

มาร์กทิ้งท้ายแบบติดตลกว่า ครั้งหนึ่งสมัยเรียนโรงเรียนประจำ เขาชื่นชอบการเรียนภาษาละตินและกรีกเป็นพิเศษ 

 

แม้ในทางปฏิบัติอาจไม่ได้นำมาใช้ประโยชน์โดยตรง แต่เขากล่าวพร้อมรอยยิ้มว่า "ก็มันสนุก!" ซึ่งถือเป็นการตอกย้ำว่า passion และความสนุกในการเรียนรู้ก็เป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้ามเช่นกัน