posttoday

การดิ้นรนเพื่อความอยู่รอด

23 ตุลาคม 2564

คอลัมน์ เปิดประตูค้าชายแดน

สัญชาตญาณของมนุษย์ทุกคน ถ้าถึงคราวจนตรอก มักจะต้องหาหนทางดิ้นรนเพื่อความอยู่รอดทุกๆคน ไม่มีใครยอมถอดใจง่ายๆหรอกครับ

มีอยู่ครั้งหนึ่งที่ผมได้ไปแลกเปลี่ยนในโครงการศึกษาแลกเปลี่ยนของมูลนิธิโรตารีที่ประเทศเนเธอแลนด์ ได้มีโอกาศไปเยี่ยมชมสถานที่พักของคนออทิสติก ที่มีอาการทั้งหนักและเบาไม่เหมือนกัน

ในการบรรยายของวิทยากรที่พาเราเข้าเยี่ยมชม มีอยู่ช่วงหนึ่งที่เขาได้พูดถึงการที่มนุษย์ทุกคนต้องพยายามดิ้นรนเพื่อความรอดปลอดภัยของตนเอง ซึ่งผมประทับใจในคำพูดที่เขาบรรยายและการปฎิบัติดูแลเด็กที่มีปัญหาด้านการวิวัฒนาการของร่างกายมาก เด็กๆที่มีปัญหาออสทิสติกที่อาการหนัก มักจะไม่ยอมแบมือออกมา โดยจะกำมือแน่นตลอดเวลา

วลาที่เขาจะฝึกให้เด็กที่ไม่ยอมใช้มือได้มีการพัฒนาตนเอง เขาจะเอาเด็กเหล่านั้นวางไว้บนลูกบอล ที่อยู่บนพื้นที่มีสภาพนุ่มไม่เป็นอันตราย จากนั้นก็จะผลักลูกบอลให้ล้ม เด็กที่อยู่บนลูกบอลก็จะล้มตกลงมาที่พื้น เมื่อมีอันตรายเข้ามาสู่ตัวเด็ก เด็กก็จะแบมือเพื่อใช้ในการป้องกันตนเองโดยอัตโนมัติ

เพราะมนุษย์ทุกคนเมื่อภยันตรายเข้ามาถึงตัว สัญชาตญาณของการป้องกันตนเอง ก็จะทำทุกอย่างให้ตนเองปลอดภัยโดยอัตโนมัติ ฉันใดก็ฉันนั้น เมื่อสถานการณ์ต่างๆไม่ว่าจะเกิดขึ้นที่ใด 

ไม่ว่าจะเกิดขึ้นกับใคร แม้กระทั้งตัวผมเองก็ตาม หรือแม้แต่สถานการณ์ในประเทศเมียนมา เมื่อมีภัยพิบัติหรือเกิดอันตรายขึ้น เพื่อดิ้นรนให้ตนเองอยู่รอด เขาจึงต้องทำทุกวิถีทางที่จะปกป้องตนเองอย่างไม่ต้องสงสัยครับ

ในสถานการณ์ปัจจุบันนี้ ที่ประเทศเมียนมาได้รับการกดดันให้เกิดการโดดเดี่ยวจากนานาประเทศ รวมทั้งกลุ่มเพื่อนๆในสมาชิกประชาคมอาเชี่ยน มีการกีดกันไม่ยอมรับรัฐบาลทหารของท่านนายพลอาวุโส เมียน อ่อง หล่าย เข้าร่วมประชุมอาเชี่ยนที่กำลังจะจัดขึ้น

ซึ่งทุกคนก็ทราบกันดีโดยไม่ต้องหาหมอดู ก็รู้ว่าแรงกดดันต่างๆนี้ มาจากที่ใด ดังนั้นเราจะเห็นปฎิกริยาดิ้นรนเพื่อความอยู่รอดของรัฐบาลเมียนมา เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมานี้ ก็เริ่มมีข่าว มีการปล่อยตัวผู้ที่เห็นต่างจำนวนหนึ่งแล้ว แต่เท่าที่ผมได้เช็คดู ผู้ที่ถูกปล่อยตัว น่าจะเป็นคนที่อยู่หางแถวเสียเป็นส่วนใหญ่

ผู้นำที่อยู่หัวแถวยังคงไม่ได้รับการปล่อยตัวออกมา นี่เป็นเกมที่ทางรัฐบาลกำลังดำเนินการอยู่ครับ น่าสนใจว่าสเต็ปต่อจากนี้ไป จะเกิดอะไรขึ้นจากปฎิบัติการของทั้งสาม-สี่ฝ่าย คือฝ่ายรัฐบาลทหารเมียนมา ฝ่ายรัฐบาลเงาหรือ NUG ฝ่ายCDM ที่ปัจจุบันนี้มีบ้างส่วนได้ผันตัวเองไปเป็นกองกำลังอิสระหรือที่เรียกกันว่า PDF และอีกฝ่ายที่ไม่ได้คาดหมายคือฝ่ายของประชาคมอาเชี่ยน งานนี้หนังชีวิตครับ

อีกหนึ่งสิ่งที่ทางฝ่ายของรัฐบาลเมีนมากำลังเผชิญอยู่ในวันนี้ คือ ค่าเงินจ๊าดที่กำลังไหลลงไม่หยุด สืบเนื่องจากการดำเนินธุรกิจของธนาคารพาณิชย์เอกชนของเมียนมา ที่กระท่อนกระแท่นมาตลอดหลังเกิดการเปลี่ยนแปลง

ซึ่งการแก้ปัญหาค่าเงินและการขาดแคลนเงินเหรียญสหรัฐ รัฐบาลทหารเองก็พยายามแก้เกมด้วยการทุ่มเงินเหรียญสหรัฐเข้าสู่ตลาดเงิน หรือ Supplyในท้องตลาด แต่ก็ยังไม่ค่อยจะได้ผลมากนัก เ

พราะตัวของ Demand ไม่ได้ลดลงเลย ซึ่งก็ไม่ได้ต่างจากยุควิกฤติต้มยำกุ้งก็ไม่ปานครับ ล่าสุดรัฐบาลเองได้เรียกให้สมาคมผู้ค้าทองคำในกรุงย่างกุ้งเข้าพบ เพื่อหาทางก่อตั้งธนาคารทองหรือที่เรียกว่า “ชเวร์แบงค์” เพื่อเป็นตัวกลางในการทำการซื้อ-ขายทองคำ ด้วยการซื้อ-ขายผ่านกระดาษ (Paper Gold Trading System) ซึ่งคาดว่าคงจะได้เห็นภายในเร็วๆนี้ 

การแก้เกมส์ในการดำเนินการเปิดตลาด Paper Gold นี้ ในความเห็นของผม จะเป็นดาบสองคมนะครับ ในด้านดีคือจะเป็นอีกหนึ่งทางเลือกให้แก่คนที่ไม่อยากเสี่ยงถือเงินจ๊าดไว้ในมือเยอะๆ เพราะจะเกิดความเสี่ยง Devalue หรือขาดทุนอัตราแลกเปลี่ยน และจากมูลค่าที่ลดลง ในขณะที่การหาซื้อเงินตราต่างประเทศเก็บไว้ ก็ไม่สามารถหาซื้อได้

ข้อดีอีกอย่างหนึ่งคือจะทำให้กระแสเงินสดในตลาดเพิ่มขึ้นโดยอัตโนมัติ อีกข้อหนึ่งคือหากเราจะเปลี่ยนมือเป็นเงินสด ก็คงจะง่ายกว่าการถือเงินสกุลต่างประเทศที่บางครั้ง มีเหตุการณ์กุลียุคเกิดขึ้น อาจจะถูกสั่งห้ามซื้อ-ขายก็เป็นไปได้ครับ 

ส่วนข้อเสียก็มีครับ คือหากความเชื่อมั่นในตัวผู้เล่นรายใหม่นี้ไม่เกิด ก็จะทำให้เกิดเหตุการณ์คาดไม่ถึงขึ้นได้ เช่น การฉ้อฉลในการซื้อ-ขาย การเก็บทองคำเมียนมาในมือที่อาจจะไม่สามารถนำมาขายในประเทศไทยได้ ตลาดทองคำของเมียนมาที่แคบมาก จะมีเพียงตลาดอินเดียและบังคลาเทศที่เป็นตลาดหลัก

ส่วนในประเทศไทย ทองคำของเมียนมา ที่มีความต่างของสีสันและความบริสุทธิที่ต่างกัน ก็จะซื้อ-ขายลำบาก หรือ หากมีเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝัน กระดาษที่เป็นหลักฐานยืนยัน Paper Gold ก็อาจจะกลายเป็นกระดาษแผ่นเดียวที่จับต้องได้ก็เป็นไปได้ครับ 

นี่คือ วิธีการแก้เกมส์ของฝั่งรัฐบาลเมียนมานำออกมาใช้ในช่วงระยะเวลานี้ เราคงต้องติดตามดูกันต่อไป ส่วนในของฝั่งคู่ขัดแย้งอื่นๆ เราก็ไม่อาจละสายตาไปได้เช่นกัน คงต้องตอนต่อๆไป

ผมจะเอามาเล่าสู่กันฟังโดยผ่านบทความนี้ด้วยใจเป็นกลาง ด้วยรักและห่วงใยนะครับ