posttoday

COVID-19 ระลอกใหม่ที่ไม่เหนือความคาดหมาย

10 เมษายน 2564

โดย กริช อึ๊งวิฑูรสถิตย์

ช่วงนี้ข่าวการแพร่ระบาดของเจ้าวายร้ายผีน้อย COVID-19ระลอกใหม่ที่เข้ามาสู่สังคมไทย ทำให้ตื่นตระหนกไปทั่วทุกวงการ คราวนี้ไม่เฉพาะเจาะจงกับคนทั่วไปเท่านั้น 

ผู้หลักผู้ใหญ่หลายท่านอย่างที่ข่าวปรากฎออกมาให้เห็น ก็ได้รับรางวัลพิเศษที่ไม่อยากได้ไปด้วย ดังที่ผมเคยเตือนมาตลอด ตั้งแต่ปลายเดือนกุมภาพันธ์แล้ว ว่าให้ระมัดระวังกันไว้ มันจะกลับมาอีกรอบแน่นอน

ข้อสมมุติฐานที่นักวิชาการหลายท่านพูดถึง แหล่งที่มาของเจ้าวายร้ายผีน้อยCOVID-19 สายพันธุ์ใหม่ตัวนี้ ว่าเป็นพันธุ์ที่มาจาก UK ซึ่งร้ายแรงกว่าตัวแรกๆนั้น น่าจะมาจากสองแหล่งหลักด้วยกัน คือที่ประเทศที่มีชายแดนติดกับบ้านเราทั้งด้านตะวันออกและด้านตะวันตก 

ถ้าเป็นเช่นนั้นจริง ก็คงจะติดมากับผู้คนที่ทะลักเข้ามาหลบหนีภัยต่างๆ เข้ามาหางานทำในบ้านเราเป็นแน่แท้ เพราะประเทศไทยเรามีความเมตตากรุณาสูงสุดอยู่แล้ว 

ดังนั้นพอประเทศเขามีปัญหา ไม่ว่าจะเป็นปัญหาปากท้อง หรือปัญหาภัยอื่นๆ เขาก็ต้องหลบเข้ามาปักหลักที่บ้านเราก่อนนั่นเองครับ 

การกลับมาครั้งนี้ของเจ้าวายร้ายผีน้อย COVID-19 ตัวนี้ สาเหตุหลักๆ ผมคิดว่ามีอยู่หลายปัจจัยด้วยกัน

ปัจจัยแรก เราต้องมาโทษที่ตัวเราเองก่อน คือคนไทยเราลืมง่าย กล่าวคือแม้ในระลอกแรก เราเจอกันหนักมาก แต่พอเริ่มเพลาๆลงมา เราก็การ์ดตกเสียแล้ว ออกไปไหนมาไหนไม่ค่อยจะระวังตัวเอง 

อย่าว่าแต่คนอื่นเลย ตัวผมเองก็เป็นเช่นกัน เวลาออกไปทานอาหารนอกบ้าน พอลงรถหน้าร้านอาหาร ก็คิดว่าเดี๋ยวเราเข้าไปในร้าน ต้องถอดหน้ากากอนามัยมาทานอาหาร ก็ไม่ต้องใส่หน้ากากอนามัยอยู่ดี เลยไม่ใส่ไม่เส่ยมันแล้ว 

นี่คือความมักง่ายของผมเอง พอหันไปมองคนอื่นที่เห็นตามท้องถนน ก็เห็นคนไม่ใส่หน้ากากอนามัยเยอะพอควร ก็จะอนุมาณไปเองว่า เจ้าวายร้ายผีน้อย COVID-19 คงจะหมดไปจากประเทศไทยแล้วมั้ง เลยไม่ใส่อีก 

ส่วนปัจจัยต่อมา คือที่ประเทศเพื่อนบ้านด้านตะวันตก ได้เกิดความไม่สงบเกิดขึ้น กลุ่มคนที่ออกมาเดินขบวน ก็ไม่ค่อยได้ใส่หน้ากากอนามัยเช่นกัน ที่เขาไม่ใส่อาจจะเป็นเพราะว่าที่ประเทศเขามีการปราบปรามด้วยอาวุธที่ค่อนข้างรุนแรง อีกทั้งกระจายไปทั่วทุกหัวระแหง เวลาต้องวิ่งหนีห่ากระสุน คงไม่มีใครห่วงสวยแน่ๆ ต่างก็ต้องวิ่งให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ จึงเกิดระบาดอย่างหนักในประเทศเขาครับ 

ปัจจัยนี้เป็นเรื่องที่เราไม่สามารถเข้าไปควบคุมได้ เป็นเราไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องหรือสามารถสั่งการได้ ทำให้การแพร่ระบาดจึงเป็นอย่างที่เห็นครับ

ส่วนปัจจัยต่อมาคือ การแพทย์หรือสาธารณสุขขั้นพื้นฐานของประเทศเขาแย่มากๆ อีกทั้งการตรวจหาเชื้อโควิดที่นั่น ค่อนข้างจะมีอุปสรรคเยอะมากครับ ยากที่จะสามารถดำเนินการควบคุมได้อย่างมีประสิทธิภาพได้ครับ 

อีกปัจจัยหนึ่งคือบุคลากรทางการแพทย์ของเขา ก็ได้ออกมาร่วมขบวนการประท้วงกับเขาด้วย จึงอาจจะไม่ได้ให้ความสนใจความเป็นอยู่ของประชาชนเท่าที่ควร 

ดังนั้นการตรวจหาเชื้อจากเดิมก่อนมีปัญหาภายในของประเทศเขา เขาตรวจได้วันละ 15,000-17,000 ราย แต่มาวันนี้ความสารถลดลง ตรวจได้เพียงวันละไม่ถึง 2,000 ราย ทำให้ตัวเลขผู้ติดเชื้อสะสม ไม่ขยับเลย 

ส่วนตัวเลขผู้ติดเชื้อรายวัน มีเพียงวันละสูงสุดไม่ถึง 30 ราย ซึ่งผมคิดว่าเป็นภาพลวงตาแล้วครับ เป็นไปไม่ได้จริงๆ ตัวเลขที่แท้จริง ควรจะมีมากกว่านี้เยอะมากครับ

กลับมาดูที่การระบาดในบ้านเราบ้าง ช่วงแรกๆในเดือนกุมภาพันธ์ ผมได้เตือนให้จังหวัดที่อยู่ตามชายแดน ต้องคอยกันช่วยระวัง อย่าได้การ์ดตก และต้องมั่นเป็นคนหูตาว่องไว 

แต่มาหลังๆนี้ ผู้ติดเชื้อกลับมาโผล่มากในสังคมเมืองเสียแล้ว เช่นที่สถานบันเทิงในกรุงเทพฯและปริมณฑลอย่างที่ข่าวเสนอกัน จึงสามารถคาดเดาได้ว่า กลุ่มที่หลบหนีเข้ามา จะต้องหลบมาอยู่กับเพื่อนๆคนในหมู่บ้านเดียวกัน หรือญาติสนิทมิตรสหายแน่นอน 

อีกทั้งนำเอาเชื้อโรคร้ายมาด้วย ทั้งๆที่เขาเองก็อาจไม่มีเจตนาอยากจะนำติดตัวมาด้วยก็ตาม ดังนั้นจึงยากที่จะตรวจหาตัวผู้คนประเภทดังกล่าวพบ จะมารู้ก็ต่อเมื่อมีการระบาดไปเสียแล้วเท่านั้น 

ผมเองก็พูดในเวลาต่อมาว่า การแพร่ระบาดที่พบเห็นในตลาดบางแคคือ “มหาชัยโมเดล” ก็จึงไม่เกินความจริงแน่นอน  ซึ่งทำให้สิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้ ไม่เหนือความคาดหมายเลยครับ 

ดังนั้น นับจากวันนี้เป็นต้นไป เราทุกคนต้องช่วยกันระมัดระวังอย่างเข้มงวดขึ้นไปอีกนะครับ อย่าได้การ์ดตกโดยเด็ดขาด

ช่วยตัวเราก็เหมือนช่วยชุมชน ช่วยสังคม และช่วยประเทศชาตินั่นเอง!!!!!