‘เบียร์คราฟต์’ ธุรกิจเกิดใหม่เวียดนาม

โดย...ชลธิชา ภัทรสิริวรกุล

เมื่อเอ่ยถึงเวียดนาม ก็ต้องนึกถึงวัฒนธรรมการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ของคนเวียดนามที่ไม่น้อยหน้าชาติใด เพราะจากข้อมูลปี 2560 พบว่าชาวเวียดนามบริโภคเบียร์ถึง 4,100 ล้านลิตร หรือเฉลี่ย 43 ลิตร/คน นับเป็นอันดับ 3 ของเอเชีย ตามหลังแค่ญี่ปุ่นและจีน และคาดว่าในปี 2563 อัตราการบริโภคเบียร์ของชาวเวียดนามจะเพิ่มขึ้นเป็น 7,840 ล้านลิตร หรือเติบโตเฉลี่ยปีละ 8% ทำให้อุตสาหกรรมการผลิตเบียร์ในเวียดนามเป็นที่น่าสนใจ

รายงานจากศูนย์ข้อมูลธุรกิจไทยในนครโฮจิมินห์ สถานกงสุลใหญ่ ณ นครโฮจิมินห์ แจ้งว่า ด้วยวัฒนธรรมการดื่มเบียร์ของชาวเวียดนามที่ยาวนาน ประกอบกับความอยากรู้ อยากลองและรสนิยมที่เปลี่ยนไปของผู้บริโภคคนเวียดนามรุ่นใหม่ที่ต้องการดื่มเบียร์คุณภาพมากขึ้น ตลอดจนเงื่อนไขด้านการจัดตั้งธุรกิจและตลาดที่เปิดกว้างให้ผู้ผลิตเบียร์ทั้งในและต่างประเทศสามารถแข่งขันกันได้อย่างเป็นธรรม เหตุนี้จึงทำให้ธุรกิจการผลิต “เบียร์คราฟต์”(เบียร์ที่ผลิตโดยผู้ผลิตรายเล็กและใช้ขั้นตอนการผลิตแบบดั้งเดิม) จึงมีจำนวนเพิ่มมากขึ้นอย่างรวดเร็วและกลายเป็นธุรกิจเกิดใหม่ของเวียดนามที่น่าจับตา

“แท้ที่จริงแล้วการดื่มเบียร์คราฟต์อยู่ในสายเลือดของชาวเวียดนามมายาวนาน หากนักท่องเที่ยวรายใดมีโอกาสเดินทางมายังเวียดนามเมื่อ 2-3 ปีก่อน โดยเฉพาะอย่างยิ่งนครโฮจิมินห์จะได้พบเห็นเบียร์คราฟต์ท้องถิ่นที่เรียกกันว่าเบียร์เฮย (Bia Hoi) ที่มีชื่อเสียงโด่งดัง” ศูนย์ข้อมูลธุรกิจระบุ

ทั้งนี้ ข้อมูลจากการสำรวจความคิดเห็นของผู้นิยมดื่มเบียร์คราฟต์ โดยสถาบันการศึกษาของมหาวิทยาลัยนครโฮจิมินห์ ชี้ว่าชาวเวียดนามรุ่นใหม่ โดยเฉพาะในกลุ่มวัยรุ่น เห็นว่าการดื่มถือเป็นการรักษามารยาททางสังคม นอกจากนี้ยังเป็นการสร้างและรักษาเครือข่ายทางสังคมและความสัมพันธ์ทางธุรกิจ เพราะชาวเวียดนามต่างนิยมดื่มเบียร์ในทุกโอกาส ทำให้ธุรกิจเบียร์คราฟต์ในเวียดนามสามารถเติบโตได้อย่างรวดเร็ว จนกลายเป็น “เมืองหลวงของเบียร์คราฟต์แห่งอาเซียน”

ปัจจุบัน พบว่าในนครโฮจิมินห์มีเบียร์คราฟต์ไม่น้อยกว่า 20 แบรนด์ มีราคาขายต่ำกว่าไทยเกือบ 2 เท่า เนื่องจากไม่ต้องผลิตในต่างประเทศและนำเข้ากลับมาขายใหม่เหมือนผู้ประกอบการไทย และเจ้าของร้านเบียร์คราฟต์ส่วนใหญ่จะเป็นชาวต่างชาติ

จากข้อมูลที่ได้ ทำให้เห็นว่า การทำธุรกิจเบียร์คราฟต์ในเวียดนามมีขั้นตอนการจัดตั้งธุรกิจไม่ยุ่งยาก และตลาดยังมีโอกาสที่จะเติบโตอีกมาก นอกจากนี้ต้นทุนที่ถูกกว่าการผลิตในหลายประเทศ ทำให้เป็นโอกาสของผู้ผลิตเบียร์ไทยใช้นครโฮจิมินห์เป็นประตูสู่ตลาดเบียร์คราฟต์ และยังใช้เป็นฐานในการผลิตเพื่่อส่งออกได้อย่างถูกกฎหมาย

ประกอบกับกฎหมายที่เปิดกว้างเป็นโอกาสให้ผู้ประกอบการไทยที่อยากริเริ่มธุรกิจเบียร์คราฟต์ และกำลังมองหาแหล่งผลิตที่มีศักยภาพ รวมทั้งตลาดนักดื่มที่มีความคุ้นเคย