posttoday

กรมบังคับคดีคัดที่ดินผืนงามติดรถไฟฟ้าขาย

02 พฤศจิกายน 2558

กรมบังคับคดีปิ๊งไอเดียคัดทรัพย์ติดรถไฟฟ้า เสนอประมูลขายทอดตลาด

กรมบังคับคดีปิ๊งไอเดียคัดทรัพย์ติดรถไฟฟ้า เสนอประมูลขายทอดตลาด

น.ส.รื่นวดี สุวรรณมงคล อธิบดีกรมบังคับคดี เปิดเผยว่า ขณะนี้กรมบังคับคดีได้มีการคัดทรัพย์สินรอการขายทอดตลาด ที่อยู่ตามแนวรถไฟฟ้าเพื่อที่จะนำเสนอในรูปแบบใหม่ ด้วยการปักหมุดสินทรัพย์ที่จะขายทอดตลาดบนแผนที่ตามแนวรถไฟฟ้าสายต่างๆ เพื่อที่จะอำนวยความสะดวกให้ผู้ที่ต้องการซื้อสินทรัพย์ได้เห็นภาพที่ชัดเจน ว่าสินทรัพย์ที่กรมบังคับคดีจะขายทอดตลาดอยู่บริเวณใด ซึ่งจะทำให้มีการตัดสินใจซื้อสินทรัพย์ได้ง่ายมากขึ้น ซึ่งคาดว่าจะใช้เวลา 1-2 เดือนจะดำเนินการแล้วเสร็จ

“กรมบังคับคดีต้องมีกาารปรับรูปแบบใหม่ในการนำสินทรัพย์ออกมาขายทอดตลาดให้เหมือนภาคเอกชน เช่น การนำเสนอทรัพย์สินในรูปแบบของแผนที่ โดยระบุที่ตั้งตามแนวรถไฟฟ้าสายต่างๆ เช่น รถไฟฟ้าสายสีเขียว สีม่วง สีแดง ระบบโครงสร้างระบบคมนาคมและสาธารณูปโภค เช่น เส้นทางถนน เส้นทางรถไฟ ที่รัฐกำลังเข้าไปลงทุน ซึ่งจากเดิมผู้ที่สนใจจะประมูลสินทรัพย์ขายทอดตลาดจะสืบค้นจากสถานที่ตั้ง เช่น เขต ตำบล อำเภอ จังหวัดเท่านั้น” น.ส.รื่นวดี กล่าว

สำหรับปี 2559 กรมบังคับคดีตั้งเป้าหมายผลักดันทรัพย์ขายทอดตลาดประมาณ 1 แสนล้านบาท จากยอดสินทรัพย์รอการขายทอดตลาดทั้งหมดประมาณ 2 แสนล้านบาท แบ่งเป็น ที่ดินราคาประเมิน 8.24 หมื่นล้านบาท ที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้าง 6 หมื่นล้านบาท และห้องชุด 5.9 หมื่นล้านบาท

ขณะเดียวกัน กรมบังคับคดีอยู่ระหว่างการพัฒนาระบบการประมูลขายทอดตลาดผ่านระบบออนไลน์ หรือการประมูลผ่านอินเทอร์เน็ต โดยคาดว่าจะเริ่มได้ประมาณเดือน ก.พ. 2559 ซึ่งจะนำร่อง 4 จังหวัด ได้แก่ เชียงใหม่ อุดรธานี ขอนแก่น และสงขลา เพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกกับผู้ที่สนใจจะประมูลโดยไม่ต้องเสียเวลาเดินทางมาประมูล

น.ส.รื่นวดี กล่าวว่า จากมาตรการกระตุ้นอสังหาริมทรัพย์ของรัฐบาลลดค่าจดจำนองและลดค่าธรรมเนียมการโอน รวมถึงการแก้ไขกฎหมายผู้ที่ประมูลซื้อบ้านจัดสรรและคอนโดมิเนียมจากกรมบังคับคดี ไม่ต้องรับภาระหนี้ค่าส่วนกลางที่ลูกหนี้เดิมค้างชำระไว้ โดยให้นิติบุคลสามารถมายื่นขอรับชำระหนี้ได้ที่กรมบังคับคดี ซึ่งจะเป็นปัจจัยหนึ่งที่น่าจะทำให้สามารถผลักดันทรัพย์ได้มากขึ้น ซึ่งจะเป็นประโยชน์กับเศรษฐกิจของประเทศ ซึ่งได้มอบหมายให้สำนักงานบังคับคดีทุกแห่งและขอความร่วมมือกับผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ เพื่อให้ช่วยกันประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนรับทราบเกี่ยวกับมาตรการดังกล่าวด้วย