posttoday

'ทรัมป์' ห้าม 7 ชาติมุสลิม กระทบนักลงทุนเอเชีย

09 มีนาคม 2560

หลัง ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ส่งสัญญาณออกมาถึงนโยบายที่จะห้าม 7 ชาติมุสลิมเข้าประเทศกำลังถูกจับตามองมาก

โดย...ชลธิชา ภัทรสิริวรกุล

หลังจากที่ โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ส่งสัญญาณออกมาถึงนโยบายที่จะห้าม 7 ชาติมุสลิมเข้าประเทศนั้น ซึ่งนับว่าเป็นอีกหนึ่งแนวนโยบายสุดโต่งของทรัมป์ ที่กำลังถูกจับตามองมากว่าในท้ายที่สุดแล้ว แรงกระเพื่อมจะหยุดอยู่แค่ 7 ชาติ หรือจะขยายวงกว้างออกไปมากกว่านั้น

บาสเตียน เทรลเคท หุ้นส่วนผู้จัดการบริษัท เอชแอลจี (ประเทศไทย) หรือ ฮาร์วีย์ ลอว์ กรุ๊ป บริษัทที่ปรึกษาด้านกฎหมายและการโยกย้ายถิ่นฐานเพื่อการลงทุนแห่งเอเชีย กล่าวยอมรับว่าเดาใจกับประธานาธิบดีคนนี้ได้ยากมาก เพราะ "ทรัมป์" มาแนวนักธุรกิจ คิดเร็ว ทำเร็ว และเชื่อมั่นในตัวเองสูง เห็นได้จากการที่ทรัมป์ไม่ได้มีทีมที่ปรึกษาในการตัดสินใจ ซึ่งก็หวังว่าจะออกมาในทางที่ดี คือ หยุดอยู่แค่ 7 ชาติมุสลิมที่ทรัมป์ได้ประกาศออกมาก่อนหน้านี้

ในกรณีที่เลวร้ายที่สุด คือ ทรัมป์มองไปถึงถิ่นกำเนิด สัญชาติและศาสนาด้วย ผลกระทบก็จะหนัก และย่อมส่งผลกระทบต่อการลงทุนด้วย เพราะหากเป็นเช่นนั้น หมายความว่า นักลงทุนจากประเทศอินโดนีเซียและมาเลเซีย ซึ่งเป็นประเทศมุสลิม แต่ก็มีนักลงทุนที่มีเชื้อสายอื่นๆ อยู่ด้วย ทำให้นักลงทุนกลุ่มนี้ถูกตัดสิทธิทั้งในส่วนที่จะขยายการลงทุนออกไปยังตลาดสหรัฐอเมริกาและการที่นักธุรกิจจากสหรัฐอเมริกาจะขยายการลงทุนในกลุ่มประเทศนี้ลดน้อยลงได้

ปัจจุบันนักลงทุนจากเอเชีย ทั้งจากประเทศจีน เวียดนาม มาเลเซีย สิงคโปร์ และไทย มีแนวโน้มที่จะเข้าไปลงทุนในกลุ่มประเทศสหภาพยุโรป (อียู) และสหรัฐอเมริกาเพิ่มมากขึ้น เพราะมองว่าเป็นตลาดที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่ และมีเทคโนโลยีที่ทันสมัย ทำให้เกิดโอกาสในการเรียนรู้โนว์ฮาวใหม่ๆ

ขณะเดียวกัน คนเอเชียส่วนใหญ่ที่เข้าไปลงทุนในสหรัฐอเมริกามักนิยมส่งลูกหลานเข้าไปศึกษาต่อในประเทศเหล่านี้ด้วย ทำให้บริษัทเห็นถึงช่องว่างนี้ ด้วยการจัดโครงการ EB5 (ส่งเสริมการลงทุนเหมือนบีโอไอที่ให้สิทธิประโยชน์นักลงทุนต่างชาติที่เข้ามาลงทุนในเขตเมืองเทกซัส โอไฮโอ และนิวยอร์ก) ซึ่งเป็นโครงการที่ให้สิทธิกรีนการ์ดกับนักลงทุนต่างชาติที่ลงทุนขั้นต่ำ 5 แสนเหรียญสหรัฐในประเทศสหรัฐอเมริกา และเกิดการจ้างงานขั้นต่ำ 10 ตำแหน่งงาน ช่วยลดภาระในเรื่องการยื่นวีซ่าสำหรับการศึกษาสำหรับผู้ที่ต้องการส่งบุตรหลานไปศึกษาต่อยังสหรัฐอเมริกา

"นโยบายของทรัมป์สร้างความน่ากังวลใจอย่างยิ่ง เพราะไม่สามารถคาดเดาใจได้ว่าจะปรับเปลี่ยนทิศทางอย่างไรในอนาคต แม้ว่านโยบายด้านคนต่างด้าวจะไม่ได้เล็งเป้าหมายมาที่โซนเอเชีย แต่จะกระทบกับทางเลือกของนักลงทุนชาวจีนแน่นอน จึงแนะนำว่าควรรีบสมัครเข้าโครงการ EB5 ที่ยังเอื้ออำนวยประโยชน์อยู่ก่อนที่จะมีผลบังคับใช้เปลี่ยนแปลงใหม่" บาสเตียน กล่าว

ทรัมป์เองเล็งเห็นถึงช่องว่างนี้ จึงมีแผนเพิ่มเม็ดเงินลงทุนเข้าประเทศ สำหรับการลงทุนในเขตชนบทจากเดิมกำหนดขั้นต่ำไว้ 5 แสนเหรียญสหรัฐ เป็น 1.3 ล้านเหรียญสหรัฐ และกำหนดการลงทุนขั้นต่ำในเขตเมืองเพิ่มเป็น 1.8 ล้านเหรียญสหรัฐ จาก  1 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งอยู่ในกระบวนการพิจารณาของสภาคองเกรส คาดว่าเกณฑ์ใหม่จะประกาศและมีผลบังคับใช้ในช่วงเดือน พ.ค.นี้

บาสเตียน เสริมว่า ทรัมป์จะไม่มีนโยบายอะไรที่จะกระทบต่อโครงการ EB5 เพราะที่ผ่านมาทรัมป์ไม่เคยต่อต้านการลงทุนจากนักลงทุนต่างชาติ รวมทั้งการย้ายถิ่นฐานในกรณีที่เข้ามาอย่างถูกกฎหมาย ปัจจุบันมีโครงการที่ผ่านการอนุมัติส่งเสริมการลงทุนจากรัฐบาลสหรัฐ กว่า 100 โครงการ และมีนักธุรกิจจากเวียดนามสมัครเข้าโครงการแล้วกว่า 120 ราย

ขณะที่นักลงทุนชาวไทยยังมีอยู่ไม่มากนัก ซึ่งฮาร์วีย์ ลอว์ หวังว่าจะเป็นอีกหนึ่งช่องทางที่จะช่วยให้นักธุรกิจไทยและอาเซียนใช้ขยายธุรกิจออกไปยังตลาดโลกได้อย่างมั่นใจ