กฎหมายภาษีใหม่สหรัฐ "กำไรของคนรวย-ความซวยชนชั้นกลาง"

ร่างกฎหมายปฏิรูปภาษีครั้งใหญ่ของสหรัฐ กำลังถูกวิจารณ์ว่าเป็นการแก้ไขกฎหมายเพื่ออุ้มคนรวยที่เกี่ยวข้องกับกลุ่มการเมือง

ช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา มีข่าวใหญ่ในสหรัฐที่สร้างความวิตกกังวลไปทั่วแม้แต่ในต่างประเทศ นั่นคือ การที่วุฒิสภาได้ผ่านมติเห็นชอบร่างกฎหมายปฏิรูประบบภาษีครั้งใหญ่ ซึ่งจะลดภาษีเงินได้นิติบุคคลลง จากอัตราสูงถึง 35% เหลือประมาณ 20% ซึ่งจะทำให้รัฐสูญเสียรายได้จากการจัดเก็บภาษีไปถึง 1.5 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ นับเป็นการลดภาษีเพื่อเอื้อภาคธุรกิจครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่ปี 1980

มาตรการดังกล่าวก่อให้เกิดเสียงวิจารณ์ว่า พรรครีพับลิกันและรัฐบาลของ ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ กำลังแก้ไขภาษีเพื่ออุ้มคนรวย นั่นคือ บริษัทขนาดใหญ่ ที่จะได้รับประโยชน์มหาศาลจากมาตรการนี้ และมีผู้ชี้ว่า การลดภาษีภาคธุรกิจจะเป็นประโยชน์กับภาคธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับกลุ่มการเมือง และเป็นผู้บริจาคเงินอุดหนุพรรคการเมือง

ร่างกฎหมายดังกล่าวได้ผ่านทั้งสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภาที่มีเสียงส่วนใหญ่มาจากพรรครีพับลิกัน และหลังจากนี้จะส่งไปให้ทรัมป์พิจารณาและลงนามรับรอง ซึ่งเจ้าตัวแย้มว่า อาจจะลงนามก่อนวันคริสต์มาส นอกจากนี้ ทรัมป์ยังพยายามผ่อนแรงกดดันจากข้อกล่าวหาแก้ภาษีอุ้มคนรวยด้วยว่า อาจปรับลดอัตราให้น้อยลงมาอยู่ที่ 22% แต่ก็ยังทิ้งไว้ว่า อาจจะอยู่ที่ 20% ก็เป็นได้เช่นกัน ขอให้ทุกฝ่ายติดตามกันต่อไป

ด้านพรรคเดโมแครต ซึ่งเป็นพรรคฝ่ายค้านโจมตีว่า วุฒิสภาพยายามปรับเปลี่ยนกฎหมายดังกล่าวในนาทีสุดท้าย ทั้งยังมีการปล่อยเอกสารร่างกฎหมายออกมาในช่วงเวลาไม่กี่ชั่วโมงก่อนลงคะแนน และยังเป็นเอกสารที่เต็มไปด้วยการแก้ไขจนวุ่นวายไปหมด โดยเพิ่มเงื่อนไขเอาใจคนรวยและผู้กว้างขวาง ขณะที่ผู้มีรายได้ปานกลางเป็นฝ่ายที่ต้องสูญเสียมากที่สุด

ด้านสำนักข่าว CNBC รายงานว่า กฎหมายลดภาษีดังกล่าวมีส่วนช่วยกระตุ้นภาคธุรกิจ และอาจจะมีส่วนช่วยกระตุ้นรายได้ของภาคธุรกิจถึง 11-15% ในปีหน้า จากอัตราคาดการณ์เดิมที่ 8% ที่ประเมินช่วงที่ยังไม่ผ่านมาตรการปฏิรูปภาษี ซึ่งจากจุดยืนของทรัมป์ การช่วยเหลือภาคธุรกิจและกระตุ้นการจ้างงาน เป็นภารกิจสำคัญอันดับต้นๆ ของเขา และด้วยมาตรการนี้คาดว่าภาคธุรกิจะมีอัตราขยายตัวเป็นมูลค่าถึง 408‚000 ล้านเหรียญสหรัฐ

อย่างไรก็ตาม ผู้ที่เสียประโยชน์จากมาตรการนี้คือ รัฐบาลสหรัฐ ที่จะจัดเก็บภาษีได้น้อยลง และอาจเผชิญกับงบประมาณขาดดุลถึง 1.41 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ ภายในปี 2027 ที่สำคัญก็คือ ผู้เสียภาษีส่วนใหญ่ของประเทศ คือชนชั้นกลางจะไม่ได้รับประโยชน์จากมาตรการนี้มากนัก ทั้งๆ ที่นักการเมืองฝ่ายรีพับลิกันพยายามโฆษณาชวนเชื่อว่า ร่างกฎหมายดังกล่าวเป็นการลดภาษีสำหรับชนชั้นกลาง

ทั้งนี้ จากการประเมินมาตรการจัดเก็บภาษีรายได้บุคคลธรรมดาฉบับใหม่ โดยนิตยสารฟอร์บส์ ผู้ที่มีรายได้ปานกลางที่มีรายได้ 49,000-86,000 เหรียญสหรัฐต่อปี จะได้การลดหย่อยภาษีประมาณ 1,100 เหรียญสหรัฐเท่านั้น และในระยะยาวยังต้องเสียภาษีเพิ่มอีก 1,150 เหรียญสหรัฐ ขณะที่ระดับเศรษฐีที่มีรายได้ 732,000 เหรียญสหรัฐขึ้นไป จะได้รับการลดหย่อยภาษีเป็นเงิน 64,000 เหรียญสหรัฐ และในระยะยาวจะเสียน้อยลง 123,000 เหรียญสหรัฐ