posttoday

เมื่อยุโรปมองหาแหล่งพลังงานใหม่ แต่จะทดแทนก๊าซรัสเซียได้หรือไม่?

18 เมษายน 2565

ในขณะที่สหภาพยุโรปกำลังอยู่ภายใต้แรงกดดันที่จะแบนการนำเข้าพลังงานจากรัสเซีย ดูเหมือนว่าจะนำไปสู่โอกาสทองของแอฟริกา

Business Insider รายงานว่ายุโรปกำลังมองหาทางเลือกด้านพลังงานในแอฟริกา ในขณะที่ประเทศต่างๆ พยายามลดการพึ่งพาการนำเข้าจากรัสเซีย เนื่องจากทวีปแอฟริกามีน้ำมันและก๊าซสำรองมากมาย โดยในปี 2017 มีรายงานว่าแอฟริกามีก๊าซสำรอง 148.6 ล้านล้านลูกบาศก์เมตร ซึ่งมากกว่า 7% ของปริมาณสำรองทั่วโลก

โดยอิตาลีซึ่งเป็นประเทศที่มีเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับ 3 ของสหภาพยุโรป ได้ผลักดันให้ดำเนินการตามข้อตกลง ระหว่าง Eni บริษัทน้ำมันและก๊าซสัญชาติอิตาลีและ EGAS บริษัทโฮลดิ้งของอียิปต์ เพื่อส่งเสริมการส่งออกก๊าซไปยังยุโรป

ในสัปดาห์เดียวกัน มาริโอ ดรากี นายกรัฐมนตรีอิตาลีได้เยือนแอลจีเรีย ซึ่ง Eni ก็ได้ลงนามในข้อตกลงเพื่อซื้อก๊าซธรรมชาติเพิ่มเติมจาก Sonatrach บริษัทพลังงานของแอลจีเรียเช่นกัน ซึ่งรายงานระบุว่าข้อตกลงในการสั่งซื้อก๊าซจนถึงปี 2024 เทียบเท่ากับ 12% ของปริมาณการใช้ก๊าซของอิตาลีในปีที่แล้ว

ทั้งนี้ แอลจีเรียได้ส่งก๊าซไปยังยุโรปผ่านท่อส่งก๊าซ 3 แห่ง ซึ่งหนึ่งในนั้นส่งไปยังอิตาลี และอีก 2 ท่อเชื่อมโยงกับสเปน

นอกจากนี้ Bloomberg รายงานว่าดรากีมีกำหนดเดินทางไปยังแอฟริกาตอนกลางและตอนใต้ในสัปดาห์นี้ และเป็นไปได้ว่าจะมีการดีลกับคองโกและแองโกลา ซึ่งเมื่อรวมกับข้อตกลงการสั่งซื้อก๊าซจากแอลจีเรียแล้ว คาดว่าจะสามารถทดแทนก๊าซจากรัสเซียได้มากกว่าครึ่งหนึ่งโดยเร็วที่สุดในปี 2023

"เราไม่ต้องการพึ่งพาก๊าซของรัสเซียอีกต่อไป...เราจำเป็นต้องกระจายแหล่งพลังงานและหาซัพพลายเออร์รายใหม่" ดรากีกล่าว

อย่างไรก็ตาม ยังคงเป็นที่ถกเถียงระหว่างประเทศสมาชิกสหภาพยุโรปเองว่าจะสามารถคว่ำบาตรพลังงานรัสเซียได้หรือไม่ เนื่องจากบางประเทศอย่างเช่นเยอรมนีและเนเธอร์แลนด์มองว่าสหภาพยุโรปพึ่งพาน้ำมันและก๊าซปริมาณมากจากรัสเซีย และยังไม่สามารถตัดขาดได้ในตอนนี้

โดยสหภาพยุโรปนำเข้าก๊าซธรรมชาติจากรัสเซียกว่าร้อยละ 40 นำเข้าน้ำมันร้อยละ 27 และนำเข้าถ่านหินเกือบครึ่งหนึ่งของการนำเข้าทั้งหมด

ขณะที่รัสเซียเคยประกาศว่าประเทศที่ไม่เป็นมิตร รวมถึงประเทศสมาชิกสหภาพยุโรป จะต้องชำระค่าก๊าซด้วยเงินรูเบิลของรัสเซีย

ด้านรัฐมนตรีต่างประเทศอิตาลีได้กล่าวกับ CNBC ว่าในช่วงเดือนที่ผ่านมาเขาได้เดินทางเยือนประเทศต่างๆ เช่น โมซัมบิก สาธารณรัฐคองโก และแองโกลา เพื่อสร้างพันธมิตรด้านการจัดหาก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) เพื่อลดการพึ่งพารัสเซีย

ขณะที่นักวิเคราะห์มองว่า เซเนกัล มอริเตเนีย ไนจีเรีย และแองโกลา อยู่ในตำแหน่งที่ดีที่สุดในการเพิ่มการผลิต นอกจากนี้โมซัมบิกยังเป็นแหล่งสำรองก๊าซธรรมชาติขนาดมหึมา โดยมียักษ์ใหญ่ด้านพลังงานในยุโรปหลายแห่งตั้งโรงงานอยู่ในประเทศ นักวิเคราะห์ยังแนะว่ายังมีพื้นที่สำหรับการขยายตัวในกลุ่มอุตสาหกรรมก๊าซธรรมชาติอื่นๆ ในอ่าวกินี เช่น ไนจีเรีย แคเมอรูน และอิเควทอเรียลกินี

ในปี 2019 สหภาพยุโรปนำเข้าก๊าซธรรมชาติเหลวประมาณ 108,000 ล้านลูกบาศก์เมตรจากแอฟริกา โดยมากกว่า 12,000 ล้านนั้น มาจากไนจีเรีย และในปี 2020 ส่วนแบ่งของแอฟริกาในการส่งออกน้ำมันทั่วโลกอยู่ที่เกือบ 9%

อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์มองว่าแม้จะช่วยเพิ่มอุปทาน แต่ก็ยังเป็นเรื่องยากที่จะมาทดแทนการนำเข้าก๊าซธรรมชาติจากรัสเซีย ซึ่งยุโรปได้นำเข้าก๊าซธรรมชาติเหลวจากรัสเซียเฉลี่ยมากถึง 380 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อวัน คิดเป็น 140,000 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อปี หรือ 45% ของปริมาณการใช้ก๊าซเกือบทั้งหมดของสหภาพยุโรป ตามรายงานของ Deutsche Welle

Photo by REUTERS/Dado Ruvic/File Photo