อัตราเงินเฟ้อสหรัฐพุ่งสูงสุดในรอบ 31 ปี
จับตาสถานการณ์เศรษฐกิจหลังอัตราเงินเฟ้อสหรัฐเพิ่มสูงสุดนับตั้งแต่เดือน พ.ย. 1990
กระทรวงแรงงานสหรัฐเผยว่า ดัชนีผู้บริโภคของสหรัฐ (CPI) ซึ่งเป็นตัวชี้วัดอัตราเงินเฟ้อของสหรัฐ เพิ่มขึ้น 6.2% ในเดือน ต.ค.ที่ผ่านมาเมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีที่แล้ว นับเป็นการเพิ่มขึ้นแบบปีต่อปีมากที่สุดนับตั้งแต่เดือน พ.ย. 1990 หรือ 31 ปีที่แล้ว และเพิ่มขึ้น 0.9% เมื่อเทียบกับเดือน ก.ย. ทั้งยังเพิ่มขึ้นสูงกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ไว้ที่ 5.9% ตามข้อมูลของ Bloomberg
สินค้าที่ขึ้นราคาสูงสุดอยู่ในกลุ่มพลังงาน โดยเฉพาะเดือนที่แล้วเดือนเดียวราคาน้ำมันเบนซินเพิ่มขึ้นถึง 6.1%
สำนักข่าว AFP ระบุว่าเงินเฟ้อของสหรัฐนิ่งมาหลายปี และกลับมาพุ่งขึ้นในปีนี้หลังจากธุรกิจของสหรัฐกลับมาดำเนินการอีกครั้งหลังมีการฉีดวัคซีนป้องกัน Covid-19
ราคาสินค้าต่างๆ เพิ่มขึ้นเพราะได้รับแรงกดดันจากความต้องการของผู้บริโภคที่สูงขึ้น บวกกับการขาดแคลนแรงงานของสหรัฐ น้ำมันเชื้อเพลิงที่ปรับคาราขึ้น และปัญหาซัพลายเชนสะดุด
ด้าน Bloomberg รายงานว่า อัตราเงินเฟ้อที่พุ่งขึ้นอย่างต่อเนื่องอาจบีบให้ธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) ปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยเร็วกว่าที่คาดไว้
เมื่อวันอังคาร (9 พ.ย.) เจเน็ต เยลเลน รัฐมนตรีกระทรวงการคลังสหรัฐยืนยันว่า อัตราเงินเฟ้อขาขึ้นของสหรัฐจะคงอยู่จนถึงไม่เกินปีหน้า และย้ำว่า Fed จะไม่ยอมให้ภาวะเงินเฟ้อ สินค้าราคาสูงอย่างในช่วงทศวรรษ 1970 เกิดซ้ำรอย
อย่างไรก็ดี บรรดานักลงทุนต่างกังวลว่าตัวเลขอัตราเงินเฟ้อล่าสุดนี้จะทำให้ Fed ขึ้นดอกเบี้ยอย่างเร็วสุดในเดือน มิ.ย.ปีหน้า
REUTERS/Lawrence Bryant/File Photo