อินโดนีเซียลั่นการพัฒนาต้องมาก่อน ไม่เลิกตัดไม้ทำลายป่า
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสิ่งแวดล้อมลั่นการยุติการตัดไม้ทำลายป่าไม่ยุติธรรมต่ออินโดนีเซียในฐานะยักษ์ใหญ่ปาล์มน้ำมัน หลังร่วมลงนามในข้อตกลงยุติการตัดไม้ทำลายป่าและฟื้นฟูผืนป่าภายในปี 2030 ในที่ประชุม COP26
Bloomberg รายงานภายหลังจากที่อินโดนีเซีย ผู้ผลิตน้ำมันปาล์มรายใหญ่ที่สุดของโลกเป็น 1 ใน 105 ประเทศที่ร่วมลงนามในข้อตกลงยุติการตัดไม้ทำลายป่าและฟื้นฟูผืนป่าภายในปี 2030 ในที่ประชุม COP26 เมื่อวันที่ 2 พ.ย. ที่ผ่านมา
ด้านซิติ นูร์บายา บาการ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสิ่งแวดล้อมของอินโดนีเซีย กล่าวว่า การพัฒนาครั้งใหญ่ในยุคของประธานาธิบดีโจโค วิโดโด ไม่สามารถยุติการปล่อยคาร์บอนหรือการตัดไม้ทำลายป่าให้เป็นศูนย์ได้ และอินโดนีเซียต้องลำดับความสำคัญในการพัฒนาประเทศเหนือกว่าความจำเป็นในการต่อสู้กับการตัดไม้ทำลายป่า ลดความคาดหวังเกี่ยวกับพันธกรณีด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของประเทศ
อย่างไรก็ตาม บาการ์กล่าวว่าอินโดนีเซียมุ่งมั่นที่จะควบคุมการทำลายผืนป่าและการปล่อยมลพิษ แต่ข้อตกลงยุติการตัดไม้ทำลายป่าและฟื้นฟูผืนป่าภายในปี 2030 นั้นไม่ควรถูกตีความว่าการตัดไม้ทำลายป่าจะเป็นศูนย์ ซึ่งจะไม่เหมาะสมและไม่ยุติธรรมต่ออินโดนีเซียในฐานะยักษ์ใหญ่ปาล์มน้ำมัน
พร้อมเสริมว่าการยุติการตัดไม้นั้นเหมือนกับการขัดคำสั่งรัฐธรรมนูญ 1945 ในการกำหนดค่านิยมและเป้าหมายระดับชาติเพื่อสวัสดิการสังคมและเศรษฐกิจของประชาชน
Menghentikan pembangunan atas nama zero deforestation sama dengan melawan mandat UUD 1945 untuk values and goals establishment, membangun sasaran nasional untuk kesejahteraan rakyat secara sosial dan ekonomi. pic.twitter.com/gPCP8OnkCJ
— Siti Nurbaya Bakar (@SitiNurbayaLHK) November 3, 2021
ทั้งนี้ บาการ์ทิ้งท้ายว่าป่าไม้เป็นส่วนหนึ่งของความมั่งคั่งทางธรรมชาติของอินโดนีเซีย และต้องได้รับการจัดการเพื่อประโยชน์ของประเทศควบคู่ไปกับการปฏิบัติตามหลักการของความยั่งยืน
โดยนอกจากอุตสาหกรรมน้ำมันปาล์มยักษ์ใหญ่ของประเทศแล้ว รัฐบาลยังต้องเปิดทางสำหรับโครงสร้างพื้นฐานที่จะเชื่อมต่อหมู่บ้านกว่า 34,000 แห่งที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ป่าและบริเวณโดยรอบ
"หากแนวคิดของข้อตกลงคือห้ามไม่ให้มีการตัดไม้ทำลายป่าเลย แสดงว่าไม่ควรมีถนนหนทางอย่างนั้นหรือ" บาการ์กล่าว
Photo by REUTERS/Willy Kurniawan/File Photo