posttoday

CIA ยอมรับสายลับถูกฆ่า-บีบให้เผยความลับหลายสิบคน

07 ตุลาคม 2564

CIA เผยสายลับต่างชาติหลายคนของสหรัฐหลายคนถูกจับ สังหาร หรือเปลี่ยนให้เป็นสายลับสองหน้า

สำนักข่าว The New York Times รายงานโดยอ้างบุคคลที่คุ้นเคยกับเรื่องนี้ดีว่า สัปดาห์ที่แล้วเจ้าหน้าที่ระดับสูงของหน่วยงานต่อต้านข่าวกรองสหรัฐส่งคำเตือนไปยังสถานีและฐานปฏิบัติการของ CIA ทั่วโลกถึงตัวเลขสายลับต่างชาติที่ทำงานให้สหรัฐที่ถูกฝ่ายตรงข้ามจับกุมตัว ถูกสังหาร หรือถูกเปลี่ยนให้เป็นสายลับสองหน้า

บันทึกลับสุดยอดระบุว่า ศูนย์ต่อต้านข่าวกรองของ CIA ได้พิจารณาคดีหลายคดีในช่วงไม่กี่ปีล่าสุดที่เกี่ยวข้องกับสายลับต่างชาติที่ถูกสังหาร ถูกจับตัว หรือถูกบีบบังคับให้เปิดเผยความลับ ถึงแม้จะเป็นข้อความสั้นๆ แต่บันทึกลับสุดยอดนี้เปิดเผยตัวเลขที่แน่นอนของเจ้าหน้าที่ที่ถูกหน่วยข่าวกรองของฝ่ายตรงข้ามสังหาร ซึ่งเป็นรายละเอียดที่เจ้าหน้าที่ต่อต้านข่าวกรองมักจะไม่ค่อยเปิดเผยให้บันทึกลับเช่นนี้

The New York Times รายงานอีกว่า บันทึกลับนี้เน้นย้ำให้เห็นว่า CIA กำลังตกที่นั่งลำบากในการสรรหาสายลับมาทำงานในสภาพแวดล้อมที่ยากลำบากต่างๆ กันทั่วโลก ซึ่งในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาหน่วยข่าวกรองฝ่ายตรงข้ามจากรัสเซีย จีน อิหร่าน และปากีสถาน ต่างก็ไล่ล่าตัวแหล่งข่าวของ CIA และที่ซ้ำร้ายไปกว่านั้นคือ บางครั้งก็เปลี่ยนสายลับของสหรัฐให้เป็นสายลับสองหน้า

บันทึกลับสุดยอดยอมรับว่าการสรรหาสายลับคนใหม่เป็นงานที่มีความเสี่ยงสูง โดยยกตัวอย่างประเด็นที่สร้างปัญหาให้กับหน่วยงานในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็นการขาดทักษะ การเชื่อแหล่งข่าวมากเกินไป การประเมินหน่วยข่าวกรองของประเทศอื่นต่ำเกินไป และเคลื่อนไหวในการว่าจ้างสายข่าวเร็วเกินไปโดยละเลยความเสี่ยงด้านการต่อต้านข่าวกรอง ซึ่งเป็นปัญหาที่บันทึกลับสุดยอดดังกล่าวเรียกว่าเป็นการ “วางภารกิจไว้เหนือความปลอดภัย”

สายข่าวที่ถูกบีบบังคับให้เปิดเผยความลับจำนวนมากในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมายังแสดงให้เห็นถึงความสามารถที่ยอดเยี่ยมของประเทศอื่นในการนำเทคโนโลยีทันสมัยมาใช้ อาทิ การสแกนพิสูจน์อัตลักษณ์บุคคล การจดจำใบหน้า ปัญญาประดิษฐ์ และเครื่องมือแฮกต่างๆ เพื่อติดตามความเคลื่อนไหวของเจ้าหน้าที่ CIA แล้วสาวไปหาแหล่งข่าว

อดีตเจ้าหน้าที่ CIA เผยกับ The New York Times ว่า การสูญเสียสายข่าวไม่ใช่ปัญหาใหม่ แต่บันทึกลับสุดยอดนี้แสดงให้เห็นว่าปัญหานี้เร่งด่วนกว่าที่สาธารณชนเข้าใจ

จากปากคำของผู้ที่ได้อ่านบันทึกลับสุดยอด คำเตือนดังกล่าวมีเป้าหมายหลักไปที่เจ้าหน้าที่สายลับที่ปฏิบัติการในแนวหน้าซึ่งเป็นบุคคลที่เกี่ยวข้องโดยตรงที่สุดในการสรรหาและตรวจสอบแหล่งข่าว และเตือนเจ้าหน้าที่ CIA ที่ทำหน้าที่สรรหาและฝึกสายลับ (case officer) ว่านอกจากการสรรหาสายลับแล้ว ยังต้องให้ความสำคัญกับประเด็นเรื่องความปลอดภัย รวมทั้งการตรวจสอบข้อมูล และการหลบเลี่ยงสายลับฝ่ายตรงข้าม

อดีตเจ้าหน้าที่ CIA เผยกับ The New York Times ว่า การส่งตำเตือนไปยังสถานีและฐานปฏิบัติการของ CIA ทั่วโลกไม่ใช่เรื่องที่ไม่เคยเกิดขึ้น แต่ถึงอย่างนั้นบันทึกที่ระบุตัวเลขแบบเจาะจงของสายข่าวที่ถูกฝ่ายตรงข้ามจับกุมหรือสังหารเป็นรายละเอียดในระดับที่ไม่ปกติ ซึ่งบ่งบอกถึงความสำคัญของปัญหานี้

นอกจากนี้ บันทึกลับสุดยอดนี้ยังชี้ให้เห็นว่า สายลับของ CIA ประเมินฝ่ายตรงข้ามต่ำเกินไป (เชื่อว่างานหาข่าวที่ต้องใช้ฝีมือและเครื่องมือทางเทคนิคพิเศษ (tradecraft) ของตัวเองเหนือกว่าหน่วยข่าวกรองของประเทศอื่น) ทว่าผลการวิจัยบ่งบอกว่าประเทศที่ตกเป็นเป้าหมายของสหรัฐก็มีทักษะในการเสาะหาตัวสายข่าวของสหรัฐด้วย

อดีตเจ้าหน้าที่ CIA บางคนเชื่อว่าทักษะของเจ้าหน้าที่ CIA ในการสกัดกั้นการหาข่าวกรองของฝ่ายตรงข้ามเสื่อมถอยลงหลังจากหมกมุ่นอยู่กับภัยคุกคามด้านก่อการร้ายในช่วงหลายทศวรรษที่ผ่านมา

อย่างไรก็ดี บันทึกลับสุดยอดของ CIA ระบุว่าไม่สามารถระบุตัวเลขสายลับที่เปลี่ยนไปอยู่ฝ่ายตรงข้ามสหรัฐ โดยบางครั้งสายข่าวที่ถูกหน่วยข่าวกรองฝ่ายตรงข้ามระบุตัวได้ก็ไม่ถูกจับกุมตัว แต่ถูกเปลี่ยนให้เป็นสายลับสองหน้าที่ให้ข้อมูลผิดๆ กับ CIA ซึ่งส่งผลร้ายต่อการรวบรวมและวิเคราะห์ข่าวกรอง โดยอดีตเจ้าหน้าที่บอกว่าปากีสถานเชี่ยวชาญในเรื่องนี้มาก

อดีตเจ้าหน้าที่ CIA เผยว่า จีนกับอิหร่านสั่งสังหารเครือข่ายสายลับของสหรัฐหลังเจาะเข้าระบบสื่อสารที่เป็นความลับของราชการที่เรียกว่า covcom ที่ CIA ใช้ ส่วนคนที่รอดชีวิตต้องถอนตัวออกจากพื้นที่แล้วย้ายไปตั้งรกรากที่อื่นที่ CIA จัดหาให้เพื่อความปลอดภัย

ขณะที่เจ้าหน้าที่ข่าวกรองบางคนในอิหร่านและจีนเชื่อว่าสหรัฐให้ข้อมูลแก่หน่วยงานฝ่ายตรงข้ามซึ่งช่วยเปิดโปงหนอนในเกลือ อาทิ โมนิกา เอลฟรีด วิตต์ ทหารอากาศหญิงที่แปรพักตร์ไปเข้ากับอิหร่าน เธอถูกสหรัฐดำเนินคดีในข้อหาให้ข้อมูลลับกับอิหร่าน และเจอร์รี ชุน อดีตเจ้าหน้าที่ CIA ที่ถูกตัดสินจำคุก 19 ปีในข้อหาให้ข้อมูลลับกับรัฐบาลจีน

ดักลาส ลอนดอน อดีตเจ้าหน้าที่ CIA ที่ทำหน้าที่หาข่าวกรอง เผยว่า กรณีระเบิดที่ฐานของ CIA ในจังหวัดโคสต์ของอัฟกานิสถานเมื่อปี 2009 ซึ่งคร่าชีวิตเจ้าหน้าที่ไป 7 รายเป็นตัวอย่างที่ดีของการวางภารกิจไว้เหนือความปลอดภัย การระเบิดฆ่าตัวตายครั้งนั้น แพทย์ชาวจอร์แดนที่ CIA คิดว่าได้ชักชวนให้เข้าไปแทรกซึมกลุ่มอัลกออิดะห์ได้แล้ว แท้จริงแล้วอยู่ฝ่ายตรงข้ามกับสหรัฐ

AFP PHOTO / AFP FILES / SAUL LOEB