posttoday

สหรัฐชี้ต้องมีภูมิคุ้มกันหมู่กว่า 80% ถึงจะสู้เดลตาได้

04 สิงหาคม 2564

สมาคมโรคติดเชื้อแห่งอเมริกาชี้ต้องมีภูมิคุ้มกันหมู่มากขึ้นเพื่อรับมือกับโควิด-19 สายพันธุ์เดลตา

บลูมเบิร์กรายงานว่าสมาคมโรคติดเชื้อแห่งอเมริกาชี้ว่าการแพร่ระบาดของโควิด-19 สายพันธฺุ์เดลตาผลักดันให้เกณฑ์ภูมิคุ้มกันหมู่ต้องมากกว่า 80% และอาจถึง 90% จากเดิมซึ่งมีการประมาณการไว้ที่ประมาณ 60% ถึง 70% เนื่องจากสายพันธุ์เดลตานั้นมีความสามารถในการแพร่เชื้อมากกว่าสายพันธุ์ดั้งเดิมเป็น 2 เท่า

โดยภูมิคุ้มกันหมู่เป็นการป้องกันการติดเชื้อทางอ้อมซึ่งเกิดจากการที่ประชากรจำนวนมากมีภูมิคุ้มกันไม่ว่าจะโดยการฉีดวัคซีนหรือเคยติดเชื้อมาก่อน ซึ่งจะช่วยปกป้องประชากรในวงกว้างและลดการแพร่ระบาดของโรค

แต่เนื่องจากโควิด-19 สายพันธุ์เดลตาซึ่งพบครั้งแรกในประเทศอินเดียมีความสามารถในการแพร่ระบาดอย่างรวดเร็วและเพิ่มอัตราการติดเชื้อของประชากรอย่างมาก ดังนั้นจึงจำเป็นต้องมีภูมิคุ้มกันหมู่จากประชากรในสัดส่วนที่มากเพื่อที่จะยับยั้งการแพร่ระบาดได้ หลายประเทศจึงเร่งฉีดวัคซีนตลอดจนเริ่มฉีดวัคซีนเป็นเข็มที่ 3 เพื่อกระตุ้นภูมิคุ้มกัน

ตามข้อมูลที่เปิดเผยโดยศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคของสหรัฐ (CDC) เผยว่าชาวอเมริกันเกือบ 60% ได้รับวัคซีนอย่างน้อย 1 โดส และประมาณ 50% ได้รับวัคซีนครบโดสแล้วซึ่งคิดเป็นจำนวนประมาณ 165 ล้านคน ในขณะที่มีผู้ติดเชื้อแล้วประมาณ 35 ล้านคน

ด้านประธานาธิบดีโจ ไบเดนของสหรัฐตำหนิการรับมือกับการแพร่ระบาดของผู้ว่าการรัฐฟลอริดาและเท็กซัสเนื่องจากผู้ติดเชื้อรายใหม่จาก 2 รัฐนี้คิดเป็นสัดส่วนประมาณ 1 ใน 3 ของผู้ติดเชื้อรายใหม่ทั้งประเทศในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา

ขณะที่หลายประเทศก็เผชิญกับการแพร่ระบาดมากขึ้นเช่นกันอย่างเช่นประเทศจีนซึ่งสามารถควบคุมการแพร่ระบาดในประเทศได้เป็นอย่างดีก่อนหน้านี้ก็กลับมามีผู้ติดเชื้ออีกครั้งในหลายมลฑล รวมถึงในเมืองอู่ฮั่นซึ่งพบการแพร่ระบาดในท้องถิ่นเป็นครั้งแรกในรอบกว่า 1 ปี

ส่วนทางการมาเก๊าก็ได้มีการสั่งตรวจโควิด-19 ทั้งเกาะหลังพบผู้ติดเชื้อเป็นครั้งแรกในรอบปีกว่าเช่นกัน ยิ่งไปกว่านั้นยังเป็นสายพันธุ์เดลตา ขณะที่ฮ่องกงถอดมาเก๊าออกจากรายชื่อที่ประชาชนสามารถเดินทางได้โดยไม่ต้องกักตัว

โดยขณะนี้ทั่วโลกมีรายงานจำนวนผู้ติดเชื้อสะสมแตะ 200 ล้านคนและผู้สียชีวิตมากกว่า 4.2 ล้านคน

Mario Tama/Getty Images/AFP