posttoday

สหรัฐกลับลำฉีดวัคซีนแล้วต้องสวมแมสก์หลังเดลตาระบาดหนัก

28 กรกฎาคม 2564

ชาวอเมริกันที่ฉีดวัคซีนแล้วที่อยู่ในพื้นที่เสี่ยงต้องกลับมาสวมหน้ากากอนามัยเมื่ออยู่ในตัวอาคารอีกครั้งหลังเดลตาระบาดหนัก

ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคสหรัฐ (CDC) ปรับคำแนะนำเรื่องการสวมหน้ากากอนามัยครั้งใหม่ท่ามกลางความกังวลเรื่องการแพร่ระบาดของสายพันธุ์เดลตา โดยแนะนำให้ประชาชนที่ฉีดวัคซีนแล้วที่อยู่ในพื้นที่เสี่ยงกลับมาสวมหน้ากากอนามัยเมื่ออยู่ในอาคาร

โรเชลล์ วาเลนสกี ผู้อำนวยการ CDC เผยว่า “ในพื้นที่ที่มีการระบาดสูงหรือมาก CDC แนะนำให้ผู้ที่ฉีดวัคซีนครบแล้วสวมหน้ากากอนามัยเมื่ออยู่ในอาคารที่เป็นสถานที่สาธารณะ”

ตามเกณฑ์ของ CDC พื้นที่ที่มีการแพร่ระบาดสูง (high transmission) คือ มีผู้ติดเชื้อรายวันมากกว่า 100 รายต่อประชากร 100,000 รายในช่วง 7 วัน ส่วนพื้นที่ที่มีการระบาดหนาแน่น (substantial transmission) คือ มีผู้ติดเชื้อรายวันตั้งแต่ 50-100 รายต่อประชากร 100,000 รายในช่วง 7 วัน

ส่งผลให้มีพื้นที่เกือบ 2 ใน 3 ของประเทศเข้าเกณฑ์ดังกล่าว โดยส่วนใหญ่อยู่ทางตอนใต้ของประเทศ อาทิ ในรัฐฟลอริดา อาร์คันซอ ลุยเซียนา

วาเลนสกีอ้างอิงข้อมูลใหม่ที่พบว่า การติดเชื้อในผู้ที่ฉีดวัคซีนแล้วที่เกี่ยวข้องกับสายพันธุ์เดลตาเพิ่มความเสี่ยงที่จะแพร่เชื้อต่อ โดยการวิจัยพบว่าเมื่อผู้ที่ฉีดวัคซีนแล้วติดเชื้อ ปริมาณไวรัสในตัวจะใกล้เคียงกับของผู้ติดเชื้อที่ยังไม่ได้ฉีดวัคซีน

ขณะที่งานวิจัยที่เพิ่งเผยแพร่ในวารสาร Virological เมื่อเร็วๆ นี้ที่ระบุว่า ปริมาณเชื้อไวรัสที่พบในผู้ป่วยที่ติดเชื้อสายพันธุ์เดลตาสูงกว่าในผู้ป่วยที่ติดเชื้อสายพันธุ์ดั้งเดิมที่ระบาดในปี 2020 ถึง 1,000 เท่า

คำแนะนำใหม่นี้มีขึ้นเพียง 2 เดือนหลังจาก CDC อนุญาตให้ชาวอเมริกันที่ฉีดวัคซีนครบโดสแล้วไม่ต้องสวมหน้ากากอนามัยในตัวอาคาร

ส่วนทำเนียบขาวก็เพิ่งสั่งให้เจ้าหน้าที่ทุกคนกลับมาสวมหน้ากากอนามัยอีกครั้งเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา (27 ก.ค.) เนื่องจากในกรุงวอชิงตันดีซีมีผู้ติดเชื้อมาก

ขณะที่ประธานาธิบดี โจ ไบเดน เผยว่า กำลังพิจารณาว่าจะออกกฎบังคับให้เจ้าหน้าที่ของรัฐบาลกลางกว่า 2 ล้านคนต้องฉีดวัคซีนหรือไม่