Melinda แบบอย่างผู้หญิงเก่งผู้ (เคย) เคียงข้าง Bill Gates
ผู้หญิงที่เคยเป็นเงาของกันและกันกับ Bill Gates เมลินดา แอนน์ เฟรนช์ หรือ เมลินดา เฟรนช์ เกตส์ นักวิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์และนักธุรกิจหญิงชาวเท็กซัสวัย 56 ปี ซึ่งได้ปิดฉากเส้นทางความรัก 27 ปีกับสามีอย่างบิล เกตส์ไปหมาดๆ
เมื่อ เมลินดา เฟรนช์ เกตส์ (Melinda French Gates) ขอให้ บิล เกตส์ (Bill Gates) ผู้ร่วมก่อตั้ง Microsoft Corp สามีของเธอ ให้เธอเป็นผู้ร่วมเขียนจดหมายประจำปี 2013 เกี่ยวกับมูลนิธิของพวกคำร้องขอนี้ทำให้พวกเขาถึงกับมีปากมีเสียงกัน
"มันร้อนแรงมาก" เมลินดาเขียนไว้ในหนังสือปี 2019 "The Moment of Lift" "บิลบอกว่ากระบวนการที่เรามีสำหรับการจดหมายประจำปีสำหรับมูลนิธิมันเวิร์กมาหลายปีแล้วและเขาไม่เห็นว่าทำไมจึงควรเปลี่ยน"
ในที่สุดบิลก็ตกลงให้เธอเขียนบทความแยกต่างหากเกี่ยวกับยาคุมกำเนิด ในขณะที่เขาเขียนจดหมายหลักเกี่ยวกับงานของมูลนิธิ Bill & Melinda Gates ในจดหมายของปีถัดมาเมลินดาถึงมีโอกาสได้เขียน และเขียนเกี่ยวกับ 1 ใน 3 มายาคติที่ "ปิดกั้นความก้าวหน้าของคนยากจน" ในขณะที่บิลจัดการเขียนอีก 2 เรื่อง
จนกระทั่งในปี 2015 ทั้งคู่จึงได้ลงนามในจดหมายพร้อมกัน
“เขา (บิล เกตส์) ต้องเรียนรู้วิธีที่จะเป็นคนที่เท่าเทียมกันและฉันต้องเรียนรู้วิธีที่จะก้าวขึ้นมาและเป็นคนที่เท่าเทียมกัน” เมลินดาเขียนเพิ่มเติมในหนังสือก่อนหน้านี้ว่าเธอเป็นคน“ ขี้อาย” และ “เก็บตัว” โดยธรรมชาติ
เส้นทางในวงการเทคโนโลยี
เมลินดาจบปริญญาตรีในสาขาวิทยาการคอมพิวเตอร์และเศรษฐศาสตร์ ปริญญาโทสาขาบริหารธุรกิจและจากมหาวิทยาลัยดุ๊ก โดยเธอจะเริ่มงานแรกของเธอด้วยการสอนวิชาคณิตศาสตร์และการเขียนโปรแกรมคอมพิวเตอร์ให้กับเด็กๆ
หลังจากเรียนจบเธอก็ได้ทำงานเป็นผู้จัดการฝ่ายการตลาดให้กับบริษัท Microsoft ของบิล เกตส์ โดยรับผิดขอบในการพัฒนาผลิตภัณฑ์มัลติมีเดียต่างๆ ซึ่งรวมถึง Cinemania, Encarta, Publisher, Microsoft Bob, Money, Works (Macintosh) และ Word ก่อนที่เธอจะได้รับแต่งตั้งให้เป็นผู้จัดการทั่วไป
นอกจากนี้เธอยังได้มีส่วนในการทำงานร่วมกับ Expedia หนึ่งในเว็บไซต์จองการเดินทางที่ได้รับความนิยมมากที่สุด ซึ่งเคยเป็นส่วนหนึ่งของบริษัท Microsoft
การเข้ามาทำงานใน Microsoft ทำให้เธอได้พบกับบิล เกตส์ในงานเลี้ยงอาหารค่ำของบริษัทก่อนที่ทั้งคู่จะตัดสินใจแต่งงานและสร้างครอบครัวด้วยกัน เธอจึงลาออกจากงานในปี 1996
นอกจากนี้เธอยังเป็นหนึ่งในสมาชิกของคณะกรรมการมหาวิทยาลัยดุ๊กในปี 1996 ถึง 2003 และดำรงตำแหน่งในคณะกรรมการบริหารของบริษัท The Washington Post ตั้งแต่ปี 2004 ทั้งยังอยู่ในคณะกรรมการบริการของ Drugstore.com ก่อนที่จะออกไปในปี 2006 เพื่อมุ่งเน้นไปที่โครงการการกุศล
การกุศลเพื่อสังคม
ในปี 2000 เธอและอดีตสามีร่วมกันก่อตั้งมูลนิธิ Bill & Melinda Gates ซึ่งเป็นมูลนิธิเอกชนหรือส่วนบุคคลที่ใหญ่ที่สุดในโลก เพื่อปรับปรุงการบริหารสุขภาพและลดความยากจนทั่วโลกรวมทั้งขยายโอกาสการศึกษาและการเข้าถึงเทคโนโลยีสารสนเทศ
นอกจากนี้ในปี 2015 เธอยังได้ก่อตั้ง Pivotal Ventures องค์กรอิสระที่มุ่งเน้นการพัฒนาและแก้ไขปัญหาที่ส่งผลกระทบต่อไปสตรีและครอบครัวในสหรัฐ
"ในที่สุดโลกก็ตื่นขึ้นมาพร้อมกับความจริงที่ว่าไม่มีพวกเราสักคนที่สามารถก้าวไปข้างหน้าได้เมื่อครึ่งหนึ่งของพวกเราถูกรั้งไว้ ข้อมูลชัดเจนว่าผู้หญิงมีอำนาจสามารถเปลี่ยนแปลงสังคมได้" เธอเขียนในบันทึกเกี่ยวกับหนังสือของเธอ
คารา สไวเชอร์ (Kara Swisher) นักข่าวด้านเทคนิคทวีตว่าเธอเห็นมีมตลกๆ มากมายเกี่ยวกับแมคเคนซี สก็อต (MacKenzie Scott) และเมลินดา เกตส์ไปเที่ยวทริปไกลๆ ด้วยกัน (หมายความว่าทั้งคู่หย่าจากสามีรวยๆ แล้วใช้ชีวิตสบายๆ ได้ทั้งชาติ)
"แต่ FYI: เมลินดาได้ลงทุนจำนวนมากผ่าน Pivotal Ventures ของเธอและเป็นผู้มีบทบาทสำคัญในมูลนิธิ Bill & Melinda Gates มาเป็นเวลานานจึงไม่แน่ใจว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงมากน้อยเพียงใด"
นี่คือพลังของเมลินดาที่มีมากกว่าภรรยาคนรวยคนอื่นๆ
เพื่อนหญิงพลังหญิง
ในขณะที่เธอให้ความสำคัญกับสิทธิและความเท่าเทียมของสตรีมาโดยตลอด โดยเธอยังเขียนหนังสือเพื่อเพิ่มขีดความสามารถของผู้หญิงในชื่อ "The Moment of Lift: How Empowering Women Changes the World" ซึ่งเน้นย้ำให้เห็นถึงความล้มเหลวในการยอมรับงานที่ไม่ได้รับค่าตอบแทนของผู้หญิง
ประสบการณ์ทำงานของเธอในสถานที่ทำงานที่มีชายเป็นใหญ่เป็นแรงบันดาลใจให้เธอสนับสนุนผู้หญิงในสาขาคอมพิวเตอร์มากขึ้น โดยในปี 2016 เธอประกาศจุดยืนว่าต้องการเพิ่มความหลากหลายในที่ทำงานโดยเฉพาะในอุตสาหกรรมเทคโนโลยี
นอกจากนี้จดหมายประจำปี 2016 จากมูลนิธิ Bill & Melinda Gates เธอระบุไว้ว่าผู้หญิงควรใช้เวลาไปกับงานที่ได้รับค่าตอบแทน เริ่มต้นธุรกิจ หรือสนับสนุนความเป็นอยู่ที่ดีทางเศรษฐกิจของสังคมทั่วโลก
แม้ว่าเธอจะประกาศหย่าร้างกับสามีแต่เธอยืนยันว่าจะยังคงทำงานมูลนิธิร่วมกับบิล เกตส์ต่อไป ขณะที่เธอยังวางตำแหน่งตัวเองในฐานะนักเคลื่อนไหวเพื่อสิทธิสตรีดังเดิม
Photo by Ludovic MARIN / AFP