posttoday

ผลของการล้ำเส้น "สีจิ้นผิง"

16 พฤศจิกายน 2563

สีจิ้นผิงแสดงให้เห็นอีกครั้งว่าใครคือผู้กุมชะตากรรมทางการเมืองและเศรษฐกิจตัวจริง

ครั้งหนึ่งแจ็ค หม่าเคยบอกว่า “ความผิดพลาดที่สุดของผมคือผมสร้างอาลีบาบาขึ้นมา ผมไม่เคยคิดว่าสิ่งนี้จะเปลี่ยนชีวิตของผม ผมแค่พยายามทำธุรกิจเล็กๆ แต่มันกลับเติบโตจนใหญ่ ต้องรับผิดชอบมากขนาดนั้นและมีปัญหามากมาย ทุกๆ วันต้องยุ่งเหมือนกับเป็นประธานาธิบดีแต่ผมไม่มีอำนาจเลย! แล้วผมก็ไม่มีชีวิตเป็นของตัวเอง”

คำพูดนี้ไม่มีปัญหาอะไรเพราะเป็นความรู้สึกส่วนตัว เพียงแต่มันค่อนข้างยอกย้อนกับสิ่งที่เขาทำ นั่นคือถ้าเขาอยากจะให้มันเล็กจริงๆ เขาก็สามารถแช่แข็งขนาดอาลีบาบา (Alibaba) ก็ได้ แต่เขาไม่ทำ และหลังจากที่เขาวางมือจากตำแหน่งผู้บริหารของอาลีบาบา เขาก็กลับมาปั้นบริษัทใหม่นั่นคือแอนท์ (Ant)

คำพูดของแจ็ค หม่าจึงคล้ายกับคำพูดประเภท Humble Brag คือการที่เราพูดเหมือนจะถ่อมตัว แต่มันกลับเหมือนเป็นการพูดยกตัวเอง อย่างไรก็ตาม นี่เป็นเพียงข้อสังเกตเท่านั้น เราไม่มีสิทธิอะไรที่จะไปตัดสินว่าแจ็ค หม่าเป็นคนแบบไหน

ที่ยกคำพูดของเขามาเริ่มต้นเรื่องก็เพราะอยากจะให้เห็นว่าคำพูดของแจ็ค หม่าอาจทำให้เกิด "ปมปัญหา" ขึ้นมาได้ในบางกรณี และกรณีล่าสุดที่เขาไปพูดท้าทายระเบียบควบคุมธุรกิจการเงิน ก็เป็นเหตุให้ธุรกิจของเขาต้องเจอตอเข้าอย่างยัง

แถมตอที่ว่านั่นยังไม่ใช่ตอเล็กๆ แต่เป็น "ท่อนซุง" เพราะคำสั่งที่ออกมาขวางเขามาจากท่านประธานสีจิ้นผิงโดยตรง

ตอนที่แจ็ค หม่ารามือจากอาลีบาบาเมื่อปีก่อน มีการวิเคราะห์กันว่าอาจเป็นเพราะเขาต้องการทำตัว "โลวโพรไฟล์" เพื่อหลีกเลี่ยง "ราชภัย" จากการกวดล้างนักธุรกิจของประธานสี

คงจะจำกันได้ว่าในช่วงปีหลังๆ มานี้รัฐบาลจีนเล่นงานนักธุรกิจที่ทรงอิทธิพลหลายคน เช่น อู๋เสี่ยวฮุย ประธานและซีอีโอของอันปัง (Anbang Insurance Group) และเคยเป็นหลานเขยของเติ้งเสี่ยวผิง ถูกจำคุกและยึดทรัพย์ฐานคอร์รัปชั่นและระดมทุนเกินกว่าที่กฎหมายกำเนิด

หวางเจี้ยน ประธานร่วมของ Hainan Airlines ที่เสียชีวิตกระทันหันระหว่างไปเที่ยวฝรั่งเศสเมื่อปี 2018 ซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นอุบัติเหตุ แต่กัวเหวินกุ้ย นักธุรกิจใหญ่ของจีนอีกคนซึ่งเป็นผู้บริหารของ Beijing Zenith Holdings อ้างว่า หวางเจี้ยนถูกพรรคคอมมิวนิสต์จีนลอบสังหาร

กัวเหวินกุ้ยเองก็ต้องลี้ภัยมายังสหรัฐหลังจากได้ยินข่าวว่าเขาจะถูกจับกุมด้วยการ (อ้างว่า) ยัดข้อหาสารพัดตั้งแต่คอร์รัปชั่นไปจนถึงข่มขืน เมื่อหนีไปสหรัฐแล้วเขาก็คบหน้ากับสตีฟ แบนนัน ผู้ที่เคยเป็นที่ปรึกษาในรัฐบาลของโดนัลด์ ทรัมป์ และทำการแฉเรื่องดำมือของรัฐบาลจีนต่างๆ นานา แต่ความน่าเชื่อถือของเรื่องที่เขาแฉนั่นมีปัญหา

กรณีที่น่าสนใจมากว่าคือ เซี่ยวเจี้ยนหัว แห่งบริษัท Tomorrow Holding ซึ่งเบื้องหลังเขาคือผู้จัดการสินทรัพย์ของเครือญาติสมาชิกพรรคคอมมิวนิสต์จีนหลายคน โดยเฉพาะในกลุ่มของเจียงเจ๋อหมินอดีตผู้นำจีน

กลุ่มเจียงเจ๋อหมินนั้นไม่ค่อยกินเส้นกับสีจิ้นผิงสักเท่าไร และอาการไม่กินเส้นนี้สะท้อนออกมาจากการที่เซี่ยวเจี้ยนหัวถูกหมายหัวจากทางการจีนจนเขาต้องหนีไปยังฮ่องกง แต่แล้วในวันตรุษจีนปี 2013 เจ้าหน้ที่ความมั่นคงจีนก็ลักลอบเข้ามา "อุ้ม" เขาจากโรงแรมในฮ่องกงกลับไปดำเนินคดีในจีนข้อหา "ติดสินบนเจ้าหน้าที่" และ "ปั่นหุ้นฟิวเจอร์"

ทุกวันนี้เขาก็ยังถูกควบคุมตัวอยู่ ไม่รู้เป็นตายร้ายดีประการใด กรณีนี้อาจไม่ใช่การจับนักธุรกิจเพราะละเมิดกฎหมาย แต่เป็นการจัดการฝ่ายตรงข้ามทางการเมืองเพื่อกุมอำนาจ โดยตัดท่อน้ำเลี้ยงก่อนนั่นคือเซี่ยวเจี้ยนหัวที่มีตำแหน่ง "พ่อมดการเงิน" ของลูกหลานกลุ่มของเจียงเจ๋อหมิน

กลุ่มของเจียงเจ๋อหมินมีอีกชื่อว่า "กลุ่มเซี่ยงไฮ้" หรือ "พรรคเจียง" (เจียงพ่าย) ที่เรียกว่ากลุ่มเซี่ยงไฮ้เพราะพลพรรคในกลุ่มติดสอยห้อยตามเขามาตั้งแต่ตอนที่เขาบริหารเซี่ยงไฮ้ สมาชิกที่เด่นๆ ในกลุ่มนี้คือ โจวหย่งคัง ที่เคยนั่งอยู่ในกรมการเมือง (โปลิตบูโร)

อีกลุ่มหนึ่งคือกลุ่มของหูจิ่นเทาอดีตประธานาธิบดีจีน เรียกว่า "พรรคถวน" (ถวนพ่าย) ซึ่งเติบโตมาจากสันนิบาตยุวชนพรรคคอมมิวนิสต์จีนและไต่เต้าขึ้นสู่อำนาจตามระบบ สมาชิกในกลุ่มนี้ที่เด่นๆ คือ หลี่เค่อเฉียง นายกรัฐมนตรีจีนคนปัจจุบัน

ส่วนสีจิ้นผิงจัดเป็นพวก "พรรครัชทายาท" (ไท่จื่อต่าง) หมายถึงลูกหลานของอดีตสมาชิกระดับสูงในพรรคคอมมิวนิสต์จีนที่ได้เป็นใหญ่เป็นโต อีกหนึ่งคนที่เป็นดาวเด่นของกลุ่มนี้คือ ป๋อซีไหล ที่เคยคาดกันว่าจะเป็นใหญ่เป็นโต

ในบรรดาดาวเด่นของกลุ่มต่างๆ เหล่านี้ โจวหย่งคังกับป๋อซีไหลถูกเชือดไปเรียบร้อยแล้วในข้อหาใช้อำนาจโดยมิชอบ/คอร์รัปชั่น

เมื่อคนเหล่านี้เขี่ยให้พ้นทาง อำนาจจึงตกมาอยู่ที่สีจิ้นผิง และสีจิ้นผิงก็ไม่ยอมปล่อยโอกาสให้หลุดมือ จัดการรณรงค์ต่อต้านการคอร์รัปชั่นครั้งใหญ่ ซึ่งถูกมองว่าไม่ใช่แค่กำจัดพวกฉ้อฉล แต่ยังเป็นการกวาดล้างฝ่ายตรงข้ามทางการเมืองด้วย (หนึ่งในคนที่คิดเช่นนั้นคือ กัวเหวินกุ้ย ผู้ลี้ภัยไปสหรัฐ)

โดยเฉพาะพรรคเจียงที่กุมอำนาจในพรรคฯ และการปกครองประเทศมานาน แต่เครือข่ายของเจียงเจ๋อหมินมีจุดอ่อนตรงที่เล่นเส้นเล่นสายและหัวพันกับเรื่องคอร์รัปชั่น และเมื่อกลุ่มของสีจิ้นผิงขึ้นมามีอำนาจเขาก็ใช้จุดอ่อนนี้โจมตีอีกฝ่ายให้สิ้นท่า

นอกจากดาวเด่นทางการเมืองของพรรคเจียงแล้ว ยังมีผู้ที่กุมอำนาจทางการทหารที่อยู่ใต้อิทธิพลเจียงด้วย คือ สวีไฉโห้ว นายพลในกองทัพปลดแอกประชาชนและรองประธานคณะกรรมาธิการกลางการทหาร ซึ่งกุุมอำนาจในกองทัพ และกัวปั๋วโสง ซึ่งเป็นนายพลในกองทัพปลดแอกฯ และเคยนั่งในกรมการเมือง ทั้งคู่ถูกสีจิ้นผิงเล่นงานในข้อหาคอร์รัปชั่น

ตอนนี้ฝ่ายการเมืองและารทหารถูกสีจิ้นผิงกุมอำนาจเอาไว้หมดแล้ว แต่มีแหล่งข่าวหลายกระแสระบุกับโพสต์ทูเดย์ว่ามีความขัดแย้งภายในฝ่ายการเมืองจีน เหตุก็เพราะสีจิ้นผิงกุมอำนาจไว้เบ็ดเสร็จเกินไป และความขัดแย้งนี้แสดงอาการให้เห็นออกมาเป็นระยะ

เมื่อคุมฝ่ายการเมืองได้แล้ว คราวนี้ก็ถึงเวลาคุมฝ่ายเศรษฐกิจ

การที่นักธุรกิจถูก "จัดระเบียบ" คนแล้วคนเล่าทำให้บางคนอาจรู้สึกร้อนๆ หนาวๆ ขึ้นมา แจ็ค หม่าก็คงเป็นหนึ่งในนั้น ซึ่งเราจะเห็นได้ว่านักธุรกิจเหล่านี้ยังเป็นสมาชิกพรรคคอมมิวนิสต์ด้วย และแจ็ค หม่าก็เป็นสมาชิกของพรรคด้วย หากโดนหมายหัวอย่างเบาะๆ อาจจะแค่ถูกขึ้นบัญชีจับตา แต่หากจะเล่นกันหนักๆ อาจหมดอิสรภาพและถูกทำลายอาณาจักรธุรกิจจนสิ้นซากแบบเซี่ยวเจี้ยนหัว

ตอนนี้เรามีกรณีการเล่นงานนักธุรกิจเพราะฉ้อโกง เพราะเอี่ยวความขัดแย้งทางการเมือง และเรามีกรณีของแจ็ค หม่าที่ท้าทายระเบียบของประเทศ

คำถามก็คือในบรรดาข้อหาเหล่านี้ ข้อไหนที่น่าจะขัดใจสีจิ้นผิงที่สุด?

สิ่งที่แจ็ค หม่าทำคือการท้าทายความเป็นระเบียบเรียบร้อยของบ้านเมือง สิ่งที่รัฐบาลจีนทุกยุคทุกสมัย (รวมถึงคนจีนทั้งหลาย) ไม่ปรารถนาที่สุดคือสิ่งที่ในภาษาจีนเรียกว่า "ล่วน" หรือความโกลาหล

รัฐบาลไหนไม่สามารถควบคุม "ล่วน" เอาไว้ได้ รัฐบาลนั้นจะมีปัญหาเรื่องความชอบธรรมในทันที ดังนั้นรัฐบาลจีนจึงไม่มีแนวโน้มที่จะเปิดเสรีอะไรง่ายๆ พวกเขาจะแง้มเสรีภาพให้เสพกันพอประมาณ แต่จะไม่ยอมให้เปิดเสรีหรือให้มีการปฏิรูปให้เสรีมากกว่านี้ที่รัฐบาลไม่ได้อนุมัติ ในตอนนี้รัฐบาลจีนมีแนวโน้มควบคุมเสรนีภาพด้วยซ้ำไป

การปฏิรูปอะไรก็ตามที่ส่อแววว่าจะนำความโกลาหลมาให้ แม้มันจะทำให้จีนก้าวกระโดด พวกเขาจะตัดใจไม่ทำมัน

และตอนนี้เรายังเห็นด้วยว่าสีจิ้นผิงควบคุมสังคมและการเมืองหนักมือมากขึ้น บรรยากาศทางการเมืองของจีนในเวลานี้อยู่ในสภาพ "น้ำท่วมปาก" อยากจะวิจารณ์รัฐไม่ได้ เพราะอาจจะเจอชะตากรรมแบบเหรินจื้อเฉียง

เหรินจื้อเฉียง เป็นนักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ผู้ทรงอิทธิพลและเป็นสมาชิกพรรคคอมมิวนิสต์ แต่เขาวิพากษ์วิจารณ์สีจิ้นผิงอย่างหนักมาหลายปี จนกระทั่งมาเล่นแรงเรื่องการรับมือการระบาดของโควิด-19

ในเดือนกุมภาพันธ์ 2020 เขาเขียนความเรียงโจมตีสีจิ้นผิงอย่างหนักโดยใช้คำพูดที่ชวนให้เสียวสันหลังว่าเป็น "ตัวตลกที่ถูกปลดผ้าจนเปล่าเปลือยแต่ยังยืนยันว่าตัวเองเป็นจักรพรรดิ" การเขียนแบบนี้จงใจโจมตีว่าสีจิ้นผิงล้มเหลวในการรับมือกับการระบาด แต่ยังโฆษณาชวนเชื่อให้คนคิดว่าเขาทำสำเร็จ ทั้งๆ ที่ความจริงก็รู้อยู่เต็มอกว่าอะไรเป็นอะไร

เดือนมีนาคม เหรินจื้อเฉียงหายตัวไปอย่างลึกลับ จนกระทั่งในเดือนกรกฎาคมเขาถูกปลดจากสมาชิกภาพของพรรคฯ และกันยายนเขาถูกดำเนินคดีและตัดสินจำคุก 18 ปี ในข้อหาคอร์รัปชั่น

แจ็ค หม่าคงมีความสามารถในการรู้หลบเป็นปีกรู้หลีกเป็นหางเขาถึงพยายามลดราศีตัวเองลงเมื่อปีที่แล้ว หากไม่เก็บงำประกายอาจมีชะตากรรมเหมือนบางคนที่ยกตัวอย่างมาเนื่องจากเขาเริ่มที่ "ใหญ่เกินหน้าเกินตา"

แต่เขาคงจะอดไม่ได้จึงออกมาแอ็กชั่นอีกครั้ง และเป็นแอ็กชั่นที่น่าตกใจเพราะเขาท้าทายระเบียบเดิม จี้ให้ปฏิรูปทั้งๆ ที่เป็นประเด็นล่อแหลมมากเพราะมันเสี่ยงจะทำให้เกิด "ล่วน" ในเศรษฐกิจสังคมจีน

ผลก็คือ สีจิ้นผิงสั่งการเองให้ตรวจสอบ Ant จนนำไปสู่การเบรกการขาย IPO และอาจจะมีผลพวงที่น่าตกใจตามมาอีก หากแจ็ค หม่าไม่แก้ไขตัวเอง

ในฐานะที่แจ็ค หม่า เป็นสมาชิกพรรคคอมมิวนิสต์ เขาก็น่าจะรู้ว่าอะไรควรอะไรไม่ควรโดยเฉพาะในยุคของประธานสี การเข้าใจแนวคิดของประธานสีเป็นสิ่งที่จำเป็นมากในการที่จะทำตัวให้ "อยู่เป็น" อันที่จริงแล้ว Alibaba เป็นบริษัทที่ทำตัวอยู่เป็นมาก่อนใคร ด้วยการออกแอพพลิเคชั่นให้ประชาชนเรียนรู้ปรัชญาของสีจิ้นผิง

แนวคิดของสีจิ้นผิงที่เด่นๆ คือ การกุมอำนาจของพรรคให้มั่นคงขึ้น ซึ่งหมายถึงการกำจัดอิทธิพลอื่นนอกระบอบพรรคนั่นคืออิทธิพลภาคธุรกิจ และยังย้ำหลักมาร์กซิสม์หรือหลักสังคมนิยมว่าเป็นรากฐานของการเติบโตของชาติ โดยบอกว่าหลักการ "รัฐเป็นเจ้าของทุกสิ่งทุกอย่างนั้นไม่อาจสั่นคลอนได้"

ประชญาของสีจิ้นผิงเป็นการเตือนไปยังภาคธุรกิจโดยตรงให้ตระหนักว่าแม้จีนจะใช้ชีวิตแบบทุนนิยม แต่ก็ยังเป็นประเทศสังคมนิยม และผู้ธำรงหลักสังคมนิยมคือพรรคฯ และรัฐบาลอันไม่อาจสั่นคลอนได้ (โดยนายทุน)

เมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมานี่เองรัฐบาลจีนออกแนวทางใหม่ที่ความตอนหนึ่งว่า "เราต้องให้ความรู้และชี้นำนักธุรกิจเอกชนให้ติดอาวุธทางปัญญาด้วยปรัชญาของสีจิ้นผิงว่าด้านสังคมนิยมแบบจีนเพื่อยุคสมัยใหม่ และรักษาสถานะทางการเมืองให้สอดคล้องอย่างมากกับคณะกรรมการกลางของพรรค"

ใครที่ต้องการแสดงความภักดี (หรือหลีกเลี่ยงการถูกเชือด) ก็ต้องชื่นมชมกับแนวคิดของสีจิ้นผิงให้ออกหน้าออกตาไว้ก่อน เช่น Alibaba หรือแม้แต๋โจวหย่งคังก็ยังระดมพลังนักศึกษาให้มาแสดงความภักดีต่อสีจิ้นผิงและแนวคิดสังคมนิยมแบบจีน

แต่เท่านั้นมันยังไม่พอ โจวหย่งคังถูกเล่นงานในที่สุด และแจ็ค หม่าที่บริษัทของเขาอุตส่าห์ออกแอปเชิดชูปรัชญาประธานสีก็ยังถูกเช่นงานด้วย เพราะสีจิ้นผิงไม่ได้สนใจว่าใครจะยอเขามากแค่ไหน แต่ดูว่าใครเป็นอันตรายต่อระบอบสีจิ้นผิงแค่ไหน

แล้วแจ็ค หม่าก็ต้องตกม้า (เกือบ) ตายในที่สุดเมื่อเขาวิจารณ์ระเบียบควบคุมระบอบการเงิน ซึ่งถึงแม้จะไม่ใช่การโจมตีรัฐบาลโดยตรง แต่รัฐบาลก็คือผู้ใช้ระเบียบนี้และการวิจารณ์มันก็เท่ากับเป็นการท้าทายรัฐบาล สีจิ้นผิงจึงต้องลงดาบหม่าด้วยตัวเอง

กฎเหล็กของระบอบสีจิ้นผิงก็คือ คุณต้องทำตามปรัชญาของสีจิ้นผิงเท่านั้น ไม่มีหน้าที่วิพากษ์วิจารณ์

บทความโดย กรกิจ ดิษฐาน

Photo by NOEL CELIS / AFP