รัสเซียลั่นโดนล่าแม่มดหลังสหรัฐกล่าวหาก่ออาชญากรรมไซเบอร์
สหรัฐตั้งข้อหาเจ้าหน้าที่รัสเซีย 6 คนก่ออาชญากรรมทางไซเบอร์ด้านรัสเซียปฏิเสธ
วันนี้ (20 ตุลาคม) เจ้าหน้าที่ประจำสถานทูตรัสเซียออกมาปฏิเสธข้อกล่าวหาที่สหรัฐและสหราชฮาณาจักรอ้างว่าหน่วยข่าวกรองของรัสเซียทำการโจมตีทางไซเบอร์และพยายามขัดขวางการแข่งขันกีฬาโอลิมปิคและพาราลิมปิก 2020 ที่จะจัดขึ้นปีหน้าในโตเกียว
โดยเจ้าหน้าที่รัสเซียกล่าวว่า "ชัดเจนว่าข้อมูลดังกล่าวไม่เป็นความจริง มุ่งกระตุ้นให้สังคมสหรัฐต่อต้านรัสเซีย และเป็นการล่าแม่มด"
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 19 ตุลาคม เจ้าหน้าที่ข่าวกรองของรัสเซีย (GRU) 6 คนถูกตั้งข้อหาสมรู้ร่วมคิดการกระทำความผิดต่อสหรัฐอเมริกาและข้อหาอื่นๆ โดยการโจมตีทางไซเบอร์ของรัฐบาลตลอดจนบริษัทในสหรัฐและทั่วโลก ซึ่งอัยการเรียกอาชญากรรมดังกล่าวว่าเป็นการโจมตีทางไซเบอร์ที่ก่อกวนและสร้างความเสียหายมากที่สุดเท่าที่เคยมีมา
เจ้าหน้าที่กระทรวงยุติธรรมระบุว่า GRU ต้องรับชอบเหตุการณ์ "น็อตเปเตีย" ซึ่งเป็นการแฮ็คข้อมูลทางธุรกิจทั้งในสหรัฐและทั่วโลกเมื่อปี 2017 นับเป็นการโจมตีทางไซเบอร์ที่สร้างความเสียหายมากที่สุดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์โดยมีมูลค่าความเสียหายกว่า 10,000 ล้านเหรียญสหรัฐ
นอกจากนี้ GRU ยังถูกกล่าวหาว่าตัดโครงข่ายไฟฟ้าของยูเครนในปี 2015 หรือที่เรียกว่า "มัลแวร์", ทำการโจมตีทางไซเบอร์เพื่อขัดขวางการแข่งขันโอลิมปิคฤดูหนาวปี 2018 รวมถึงพยายามขัดขวางการเลือกตั้งประธานาธิบดีฝรั่งเศสปี 2017
อีกทั้งรัสเซียยังถูกกล่าวหาว่าพยายามโจรกรรมข้อมูลเกี่ยวกับการทดลองวัคซีนไวรัสโคโรนา และสอดแนมหน่วยข่าวกรองของสหรัฐ
อย่างไรก็ตามอัยการยังไม่ได้แจ้งข้อหาพยายามแทรกแซงการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ 2020 แม้ว่าจะมีการตั้งข้อสังเกตว่า GRU เคยถูกกล่าวหาว่าแพร่กระจายข้อมูลที่บิดเบือนเพื่อแทรกแซงการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐในปี 2016
จอห์น เดเมอร์ส ผู้ช่วยอัยการสูงสุดสหรัฐ กล่าวว่า "ไม่มีประเทศใดที่มีความสามารถทางไซเบอร์ที่เป็นอันตรายและไร้ความรับผิดชอบได้เท่ารัสเซีย"
ทั้งนี้ GRU ย่อมาจาก Glavnoje Razvedyvatel'noje Upravlenije หรือกองอำนวยการข่าวกรองหลักของรัสเซีย เคยถูกตั้งข้อหาจากสหรัฐมาแล้วคลายครั้ง และก่อนหน้านี้กระทรวงการต่างประเทศของสหรัฐยังเคยปฏิเสธไม่ให้เจ้าหน้าที่รัสเซียเข้าถึงสถานที่ปฏิบัติงานในแมร์รีแลนด์และนิวยอร์ก
โดย GRU เคยถูกฟ้องร้องข้อหาพยายามเข้าถึงและเผยแพร่ข้อมูลผู้มีสิทธิเลือกตั้ง 500,000 คนจากเว็บไซต์คณะกรรมการการเลือกตั้งของสหรัฐและพยายามแฮ็คระบบเครื่องลงคะแนนรวมถึงเจ้าหน้าที่การเลือกตั้งท้องถิ่น