posttoday

อิหร่านมีแผนลอบสังหารทูตสหรัฐล้างแค้นให้นายพลคนสำคัญ

16 กันยายน 2563

รัฐบาลอิหร่านมีแผนลอบสังหารเอกอัครราชทูตสหรัฐประจำแอฟริกาใต้ล้างแค้นให้นายพล กัสซิม โซเลมานี ที่ถูกสหรัฐปล่อยมิสไซล์สังหารเมื่อต้นปีที่ผ่านมา

สำนักข่าว Politico รายงานโดยอ้างเจ้าหน้าที่สหรัฐที่ได้เห็นข่าวกรองว่า รายงานของหน่วยข่าวกรองของสหรัฐระบุว่า รัฐบาลอิหร่านมีแผนลอบสังหาร ลานา มาร์กส์ เอกอัครราชทูตสหรัฐประจำแอฟริกาใต้ช่วงก่อนการเลือกตั้งสหรัฐที่จะเกิดขึ้นในวันที่ 3 พ.ย.นี้ เพื่อล้างแค้นให้กับ กัสซิม โซเลมานี นายพลคนสำคัญของกองทัพอิหร่านที่ถูกสหรัฐลอบสังหารที่สนามบินในกรุงแบกแดดของอิรักเมื่อต้นปีที่ผ่านมา

แหล่งข่าวยังเผยอีกว่า เจ้าหน้าที่สหรัฐทราบว่ามีภัยคุกคามทั่วไปกับ ลานา มาร์กส์ ตั้งแต่ฤดูใบไม้ผลิที่ผ่านมา (ราวเดือน มี.ค.-มิ.ย.) แต่ข่าวกรองเกี่ยวกับนักการทูตหญิงรายนี้เพิ่งชัดเจนเมื่อไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา และสถานทูตอิหร่านในกรุงพริทอเรียของแอฟริกาใต้เกี่ยวข้องกับแผนนี้

แหล่งข่าวเผยต่อไปว่า หน่วยข่าวกรองมีแนวปฏิบัติที่รู้จักกันในนาม Duty to Warn (หน้าที่ในการเตือน) ที่กำหนดให้สายลับสหรัฐแจ้งบุคคลที่ตกอยู่ในอันตรายให้ทราบหากมีข่าวกรองว่าชีวิตของบุคคลคนนั้นตกอยู่ในอันตราย และมาร์กส์ก็ได้รับแจ้งเรื่องดังกล่าวแล้ว  

หน่วยข่าวกรองยังไม่ทราบแน่ชัดว่าเหตุใดมาร์กส์จึงตกเป็นเป้าลอบสังหาร เนื่องจากเธอแทบจะไม่มีความเชื่อมโยงกับอิหร่าน แต่อาจเป็นไปได้ว่าอิหร่านตัดสินใจเพราะความมิตรภาพระหว่างเธอกับทรัมป์ ซึ่งสนิมสนมคุ้นเคยกันมากว่า 2 ทศวรรษ

หรืออีกความเป็นไปได้คือ มาร์กส์เป็นเป้าหมายที่โจมตีง่ายกว่าทูตสหรัฐในประเทศอื่นอย่างในยุโรปตะวันตกซึ่งสหรัฐมีความสัมพันธ์แนบแน่นกับหน่วยข่าวกรองและเจ้าหน้าที่ท้องถิ่น

นอกจากนี้ แหล่งข่าวยังกล่าวอีกว่า รัฐบาลอิหร่านมีเครือข่ายลับปฏิบัติการอยู่ในแอฟริกาใต้และตั้งฐานปฏิบัติการที่นั่นมาหลายสิบปีแล้ว

ทั้งนี้ มีรายงานว่า อยาตุลเลาะห์ อาลี คอเมเนอี ผู้นำสูงสุดของอิหร่าน มีประวัติลอบสังหาร รวมทั้งการจับตัวประกันหลายครั้งนอกพื้นที่อิหร่าน นับตั้งแต่ก้าวขึ้นสู่อำนาจหลังการลุกฮือประท้วงช่วงปลายทศวรรษ 1970

โดยในช่วงไม่กี่สิบปีที่ผ่านมา อิหร่านมักจะหลีกเลี่ยงการโจมตีนักการทูตของสหรัฐโดยตรง แต่กลุ่มก่อการร้ายที่มีอิหร่านหนุนหลังมักจะโจมตีสถานทูตและเจ้าหน้าที่สหรัฐในอิรัก

หากอิหร่านลงมือลอบสังหารมาร์กส์ตามแผน ความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐกับอิหร่านที่ตึงเครียดอยู่แล้วให้แย่ลง และอาจเพิ่มแรงกดดันให้ทรัมป์หาทางตอบโต้กลับ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงของการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้งที่เข้มข้นขึ้นทุกขณะ

ด้านทรัมป์ประกาศว่า สหรัฐจะโจมตีตอบโต้อิหร่านหนักกว่าเป็นพันเท่าหากอิหร่านลงมือสังหารนักการทูตหญิงรายนี้