posttoday

บ้านและความยากจน เมื่อคนอเมริกันกว่า 28 ล้านกำลังจะไม่มีที่อยู่

15 สิงหาคม 2563

การแพร่ระบาดของเชื้อโคโรนาไวรัสนอกจากจะทำให้เศรษฐกิจหยุดชะงักแล้ว ยังทำให้ผู้คนจำนวนไม่น้อยถูกไล่ออกจากบ้านเช่าด้วย

การอุบัติของ Covid-19 ทั่วโลกทำให้รัฐบาลต้องประกาศล็อกดาวน์เพื่อสกัดการแพร่ระบาด ส่งผลให้ธุรกิจห้างร้านต่างๆ ไม่สามารถเปิดกิจการได้ อันนำมาสู่การปลดพนักงาน เฉพาะที่สหรัฐประเทศเดียวมีชาวอเมริกันยื่นขอรับเงินช่วยเหลือจากการว่างงานแล้วอย่างน้อย 44 ล้านคน

การเลย์ออฟครั้งใหญ่นี้ทำให้แรงงานชาวอเมริกันไม่มีแม้แต่เงินจะจ่ายค่าเช่าบ้าน ทว่ารัฐบาลสหรัฐก็ไม่ได้นิ่งเฉย มีการออกคำสั่งห้ามเจ้าของที่ไล่ผู้เช่าออกจากบ้านชั่วคราว รวมทั้งลดภาระการชำระคืนเงินกู้แก่เจ้าของที่ดินที่เรียกว่า CARES Act ซึ่งบางรัฐคำสั่งนี้สิ้นสุดไปแล้ว และครอบคลุมผู้เช่าเพียง 28% เท่านั้น ส่วนที่เหลือไม่ได้รับความช่วยเหลือจากรัฐ

ด้วยเหตุนี้จึงมีการคาดการณ์กันว่าอีกไม่นานสหรัฐจะต้องเผชิญกับ “การฟ้องขับไล่ผู้เช่าครั้งใหญ่” มหาวิทยาลัยแอมเฮิร์สประเมินว่าชาวอเมริกันราว 28 ล้านคนจะไม่มีบ้านอยู่

เมื่อเทียบกับเมื่อครั้งเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยครั้งใหญ่ (Great Recession) ในช่วงปี 2007-2009 ชาวอเมริกันถูกไล่ออกจากบ้าน 10 ล้านคน

และที่แย่ไปกว่านั้นคือ เงินช่วยเหลือพนักงานที่ถูกเลิกจ้างจากทางการสัปดาห์ละ 600 เหรียญสหรัฐ หรือราว 18,673 บาทก็เพิ่งสิ้นสุดลงเมื่อปลายเดือนที่ผ่านมา ซึ่งสำหรับหลายๆ คน หากไม่มีเงินก้อนนี้พวกเขาก็ไม่มีเงินจ่ายค่าเช่าบ้าน

สอดคล้องกับข้อมูลสำรวจสำมะโนประชากรของทางการสหรัฐที่พบว่า ผู้เช่าบ้านกว่า 30% ในสหรัฐไม่มั่นใจว่าตัวเองจะมีเงินจ่ายค่าเช่า และจากข้อมูลของ Eviction Lab ของมหาวิทยาลัยพรินซ์ตันพบว่า ตอนนี้บรรดาเจ้าของที่ดินยื่นฟ้องขับไล่แล้วเกือบ 35,000 คดี

ขณะที่ข้อมูลของสถาบันวิจัยเออร์เบินพบว่า ระหว่างวันที่ 25 มี.ค.-10 เม.ย. เกือบครึ่งหนึ่งของผู้เช่าอายุระหว่าง 18-64 ปีมีปัญหาในการจ่ายค่าเช่า โดยเฉพาะอย่างยิ่งในบางชุมชน อาทิ คนผิวดำและชาวละตินจะประสบปัญหามากกว่าคนผิวขาว

พื้นที่ในเมืองนิวออร์ลีนของรัฐลุยเซียนาเป็นหนึ่งในพื้นที่ที่ผู้เช่าเสี่ยงถูกไล่มากที่สุด เนื่องจากค่าเช่าสูง ผู้เช่าส่วนใหญ่เป็นคนผิวดำรายได้ต่ำ

ก่อน Covid-19 ระบาด การขับไล่ในนิวออร์ลีนก็สูงกว่าอัตราเฉลี่ยของทั้งประเทศถึง 2 เท่า และ 4 เท่าในย่านที่ผู้คนมีรายได้ต่ำและย่านคนผิวดำ อาทิ ย่านลิตเติลวูดส์ และในช่วงที่โควิดระบาดคดีฟ้องขับไล่ในย่านนี้เพิ่มขึ้น 3 เท่าตัวจากช่วงก่อนหน้านี้

แจ็กกี เชแฮน ชาวเมืองนิวออร์ลีนเผยกับสำนักข่าว Vice ว่า “ตอนโควิดระบาด ฉันตกงาน โควิดเหมือนคำสาปที่ไม่จางหายไป แม้ว่าที่บ้านฉันจะไม่มีใครติดเชื้อแต่มันเจ็บช้ำที่ฉันไม่มีรายได้ ลูกสาวที่มีความบกพร่องทางร่างกายก็ไม่ได้รับเงินช่วยเหลือ และฉันถูกฟ้องขับไล่ ”

บรรดาองค์กรช่วยเหลือผู้อพยพและผู้เช่าทั่วประเทศพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ได้รับเรื่องร้องเรียนจากผู้เช่าที่ถูกเจ้าของที่กดดันสารพัดวิธีให้จ่ายค่าเช่า ไม่ว่าจะเป็นการก่อกวนรังควาน คิดเงินค่าปรับหากจ่ายค่าเช่าล่าช้า หรือเปลี่ยนกุญแจ เพื่อให้ผู้เช่าย้ายออก

บางกรณีผู้เช่าที่เป็นผู้อพยพก็ไม่กล้าเอาเรื่องกับผู้ให้เช่าเหล่านี้ เนื่องจากกลัวว่าตัวเองจะเจอปัญหาที่หนักกว่าการถูกไล่ออกจากบ้าน นั่นก็คือถูกขับออกจากสหรัฐ

ในระยะหลังมีการรวมตัวเรียกร้องให้ยกเลิกค่าเช่าในช่วงที่ Covid-19 ระบาดและผู้คนตกงานในหลายเมืองทั่วสหรัฐ นอกจากนี้นักเคลื่อนไหวในนิวยอร์ก เพนซิลเวเนีย และแคลิฟอร์เนีย ยังเชิญชวนให้ผู้เช่าทั้งที่มีและไม่มีเงินจ่ายค่าเช่าระงับการจ่ายชั่วคราว เพื่อให้ทุกคนหันมาสนใจกลุ่มคนที่ไม่มีเงินจ่ายค่าเช่า

ด้านพนักงานอัยการในลอสแองเจลิสเผยว่า การยกเว้นค่าเช่าให้กับคนกลุ่มใหญ่เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ และทางการท้องถิ่นอาจต้องจ่ายเงินชดเชยให้กับเจ้าของที่ดินกว่า 1,000 ล้านเหรียญสหรัฐ

ชะตากรรมของผู้เช่าหลายๆ คนจึงหนีไม่พ้นกลายเป็นคนไร้บ้าน ไร้งาน ไร้เงิน ต้องอาศัยพื้นที่ใต้สะพานหลบแดดหลบฝน