posttoday

แอมโมเนียม ไนเตรต สารเคมีที่เคยใช้โจมตีไทยหลายครั้ง

05 สิงหาคม 2563

แอมโมเนียม ไนเตรต สารเคมีกลุ่มก่อการร้ายนำมาใช้ในการก่อวินาศกรรมหลายครั้งทั่วโลก และหนึ่งในเป้าหมายนั้นอยู่ที่ประเทศไทย

แม้ว่าขณะนี้ยังไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัดของเหตุระเบิดครั้งใหญ่บริเวณท่าเรือในกรุงเบรุตของเลบานอน แต่โกดังสินค้าที่ระเบิดนั้นมีแอมโมเนียม ไนเตรตซึ่งเป็นได้ทั้งปุ๋ยและวัตถุระเบิดเก็บอยู่ถึง 2,750 ตัน ทำให้หลายคนมองว่าอาจเป็นการก่อการร้าย เพราะสารเคมีชนิดนี้เคยถูกกลุ่มก่อการร้ายนำมาใช้ในการก่อวินาศกรรมหลายครั้งทั่วโลก และหนึ่งในเป้าหมายนั้นอยู่ที่ประเทศไทย

ย้อนกลับไปในปี 1994 หรือ พ.ศ. 2537 หวิดเกิดเหตุระเบิดครั้งใหญ่กลางกรุง เมื่อคนร้ายใช้รถบรรทุก 6 ล้อเล็กบรรทุกแท็งก์น้ำเหล็ก โดยภายในเต็มไปด้วยปุ๋ยแอมโมเนียม ไนเตรตคลุกเคล้ากับน้ำมันดีเซล ซึ่งเป็นส่วนประกอบระเบิด ขับมุ่งหน้าไปทางสถานทูตอิสราเอลประจำประเทศไทย

บังเอิญว่ารถบรรทุกคันดังกล่าวเกิดเฉี่ยวชนกับรถจักรยานยนต์บริเวณใกล้กับห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลชิดลม ห่างจากสถานทูตอิสราเอลราว 0.8 กิโลเมตรก่อน ทำให้คนร้ายต้องรีบหนีจากที่เกิดเหตุ โศกนาฏกรรมจึงไม่เกิดขึ้น

ตำรวจนำรถบรรทุกไปจอดไว้ที่ สน.ลุมพินีนานถึง 7 วันก่อนที่เจ้าของรถซึ่งเป็นบริษัทขนส่งจะเข้ามาแสดงตัว และแจ้งว่าชาวตะวันออกกลางมาขอเช่ารถคันดังกล่าว

การตรวจค้นรถบรรทุกอย่างละเอียดทำให้ตำรวจถึงกับตะลึง เมื่อพบแอมโมเนียม ไนเตรตคลุกเคล้าน้ำมันดีเซลน้ำหนัก 1 ตัน  และยังมีระเบิดซีโฟร์ในขวดน้ำอัดลมขนาด 2 ลิตร หนัก 2 ปอนด์ หรือเกือบ 1 กิโลกรัม จำนวน 2 ลูก ภายในมีเชื้อปะทุไฟฟ้า 10 ดอก รวมถึงดินระเบิดซีโฟร์ขนาด 1/4 ปอนด์อีก 5 ลูก มีเชื้อปะทุภายในรวม 6 ดอก ซึ่งหากระเบิดจะมีอานุภาพทำลายร้างในรัศมี 1-2 กิโลเมตร นับเป็นการพบระเบิดครั้งใหญ่ที่สุดครั้งหนึ่งของไทย

นอกจากนี้ ยังพบศพคนขับรถบรรทุกของบริษัทของส่งเจ้าของรถถูกฆ่าหมกอยู่ในแท็งก์น้ำโดยใช้แอมโมเนียม ไนเตรตกลบทับไว้ด้วย

ไม่กี่วันถัดมา ผู้เชี่ยวชาญจากอิสราเอลได้เดินทางมาตรวจสอบ และประเมินว่าระเบิดคาร์บอมบ์นี้น่าจะมีรัศมีการทำลายล้างสูงถึง 7 กิโลเมตร

ที่น่าสังเกตก็คือ สูตรการผลิตระเบิดที่ใช้ในครั้งนี้เป็นสูตรเดียวกับที่คนร้ายใช้ในการก่อวินาศกรรมตึกเวิลด์เทรดในเมืองแมนฮัตตันของสหรัฐ และการตรวจสอบประวัติคนร้ายที่ลงมือในไทยยังพบว่า หนึ่งในนั้นคือ แรมซี ยูซุฟ ซึ่งเป็นหนึ่งในสามผู้ก่อการร้ายที่อิหร่านหนุนหลังผู้ลงมือระเบิดตึกเวลด์เทรดเมื่อวันที่ 26 ก.พ. 1993 และยังลอยนวลอยู่ในขณะนั้น

ต่อมาทางการไทยขยายผลต่อ และพบแอมโมเนียม ไนเตรต 25 กระสอบซุกซ่อนอยู่ในบ้านเช่าแห่งหนึ่งที่ชาวอาหรับเข้ามาพัก ทำให้เจ้าหน้าที่พุ่งเป้าผู้ต้องสงสัยไปที่กลุ่มศาสนาที่อยู่ฝ่ายตรงข้ามกับอิสราเอล และหนึ่งในนั้นก็คือกลุ่มเฮซบอลลอฮ์ที่อิหร่านหนุนหลัง

จะว่าไปแล้ว กลุ่มเฮซบอลลอฮ์มักจะใช้ไทยเป็นพื้นที่ในการก่อเหตุโจมตีประเทศตะวันตกและอิสราเอลหลายครั้ง โดยที่หน่วยงานความมั่นคงของไทยแทบจะไม่ทราบความเคลื่อนไหวของกลุ่มนี้เลยจนกระทั่งเกิดเหตุขึ้นแล้ว อาทิ

เมื่อวันที่ 14 ก.พ. 2555 เกิดเหตุระเบิดในบ้านที่ชาวอิหร่านเช่าไว้ที่ซอยสุขุมวิท 71 หลังจากมีการพยายามขว้างระเบิดติดแม่เหล็กเพื่อสังหารนักการทูตอิสราเอล แต่คนร้ายยกเลิกแผนแล้วหนีออกมาจากบ้าน

ระหว่างออกมาเรียกแท็กซี่ แท็กซี่ไม่ยอมรับหนึ่งในสามคนร้ายโมโหจึงใช้ระเบิดวิทยุ (ระเบิดแสวงเครื่องที่ดัดแปลงวิทยุใส่ระเบิดซีโฟร์) ปาใส่แท็กซี่จนพังยับ เมื่อเจ้าหน้าที่มาถึงจุดเกิดเหตุคนร้ายยังปาระเบิดใส่เจ้าหน้าที่อีก แต่กลับพลาดถูกขาตัวเองขาด สุดท้ายถูกจับกุมยกแก๊ง

และก่อนหน้านั้น 1 เดือนตำรวจจับกุมตัวสมาชิกกลุ่มเฮซบอลลอฮ์ 1 คน จากการตรวจค้นบ้านพักพบปุ๋ยยูเรีย แอมโมเนียม ไนเตรต ซึ่งเป็นสารตั้งต้นระเบิด หากนำไปผสมระเบิดจะมีน้ำหนักถึง 4,000 กิโลกรัม เหตุการณ์นี้ทำให้ทั้งสถานทูตสหรัฐและอิสราเอลประจำประเทศไทยรีบออกคำเตือนพลเมืองของตัวเองทันที

The New York Times ระบุว่า ตอนที่พบสารเคมีตั้งต้นระเบิดเจ้าหน้าที่ไทยเผยว่าสารเหล่านี้จะถูกบรรจุใส่ถุงที่ระบุว่าเป็นทรายแมว ก่อนจะบรรจุกล่องที่ระบุว่าพัดลมไฟฟ้าส่งไปยังประเทศอื่น  

แม้ว่าเคสนี้ดูเป็นปริศนาในสายตาสาธารณชน แต่นักวิเคราะห์ข่าวกรองสหรัฐเผยว่า แม้จะมีความเป็นไปได้สูงที่กลุ่มเฮซบอลลอฮ์เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ แต่สารตั้งต้นระเบิดพวกนี้น่าจะตั้งใจเก็บไว้ในประเทศไทย เพื่อใช้โจมตีอิสราเอลในอนาคตมากกว่า

หน่วยข่าวกรองตะวันตกรับรู้กันดีว่ากลุ่มเฮซบอลลอฮ์คอยสอดแนมสำนักงานและเคาน์เตอร์สายการบินแอลอัล ซึ่งเป็นสายการบินแห่งชาติของอิสราเอลในประเทศไทย รวมทั้งร้านอาหาร Chabad House บนถนนข้าวสาร ซึ่งเป็นร้านอาหารที่ชาวยิวนิยมไปรวมตัวกัน

เจตนาโจมตีชาวยิวของกลุ่มเฮซบอลลอฮ์ไม่ใช่ข้อสงสัยเลื่อนลอย เพราะฮุสเซน ซาเฟียดีน ตัวแทนกลุ่มเฮซบอลลอฮ์ในอิหร่านเคยประกาศเจตนาไว้เมื่อปี 2006 ว่า ทางกลุ่มจะขยายการโจมตีอิสราเอลให้กว้างขึ้น “จะไม่มีที่ไหนที่พวกเขาจะอยู่อย่างปลอดภัย”

ซาคารี อาบูซา นักรัฐศาสตร์จากวิทยาลัยการสงครามแห่งชาติในสหรัฐเผยว่า ไม่มีข้อมูลแน่ชัดว่ากลุ่มเฮซบอลลอฮ์เข้ามาในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มากน้อยเท่าใด แต่ทางกลุ่มได้แทรกซึมเข้ามาอยู่ในชุมชนชีอะห์ (นิกายของอิหร่าน) ในหลายประเทศในภูมิภาคนี้

นักวิเคราะห์ข่าวกรอง ยังเผยอีกว่า กลุ่มเฮซบอลลอฮ์มีหน่วยงานรัฐหนุนหลังคอยจัดหาสารตั้งต้นระเบิดเกรดดีให้ทั่วโลก ดังนั้นจึงไม่ต้องมีการขนส่งยูเรียหรือแอมโมเนียม ในเตรตปริมาณมากๆ ให้เป็นที่สงสัย

และนี่อาจจะเป็นเหตุผลที่เจ้าหน้าที่หน่วยข่าวกรองแทบจะไม่ระแคะระคายถึงการเตรียมการโจมตีของกลุ่มนี้เลย