posttoday

เมื่อทรัมป์หมายตาดึงเกาหลีใต้ร่วมทีมสกัดอิทธิพลจีน

10 มิถุนายน 2563

ท่ามกลางความไม่ลงรอยกันระหว่างสหรัฐกับจีนที่ทวีความตึงเครียดขึ้นมาอีกครั้งในช่วงที่เชื้อโคโรนาไวรัสระบาด เพราะต่างฝ่ายต่างตอบโต้กันไปมา ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐ ได้เดินหน้าโจมตีจีนและยังพยายามหาพันธมิตรมาร่วมทำสงครามเย็นกับจีนอย่างต่อเนื่อง

ล่าสุดทรัมป์ในฐานะประธานการประชุมกลุ่มประเทศอุตสาหกรรมชั้นนำของโลก หรือ G7 เอ่ยปากชวนประธานาธิบดี มุนแจอิน ของเกาหลีใต้เข้าร่วมการประชุมซึ่งถูกเลื่อนไปจัดในเดือน ก.ย.นี้ ซึ่งถือเป็นครั้งแรกที่ผู้นำเกาหลีใต้ได้รับเชิญ

นอกจากนี้ ยังส่งเทียบเชิญไปยังออสเตรเลียและอินเดียซึ่งมีกรณีพิพาทกับจีนเข้าร่วมการประชุมด้วยเช่นกัน เจตนาของทรัมป์ก็เห็นชัดเจนอยู่แล้วว่าต้องการดึงประเทศที่ไม่เอาจีนมาร่วมวงด้วย

แม้ในฐานะประธานการประชุม ทรัมป์มีสิทธิ์เชิญผู้นำประเทศอื่นเข้าร่วมได้อีก 1 หรือ 2 ประเทศในฐานะแขกพิเศษ และทรัมป์จะอ้างว่าต้องการขยายกลุ่ม G7 ที่ประกอบด้วยแคนาดา ฝรั่งเศส เยอรมนี  อิตาลี ญี่ปุ่น อังกฤษ และสหรัฐ ให้เป็นกลุ่ม G10 หรือ G11 เพราะกลุ่มที่มีอยู่เดิมล้าสมัยเกินไป

แต่หลายฝ่ายมองว่าสหรัฐกำลังรวบรวมสมัครพรรคพวกเพื่อโดดเดี่ยวและสกัดการขยายอิทธิพลของจีน อีกทั้งช่วงเวลาการประชุมยังใกล้เคียงกับช่วงเลือกตั้งผู้นำสหรัฐในเดือน พ.ย. ทรัมป์จึงต้องจัดการกับจีนเพื่อโกยคะแนนจากชาวอเมริกัน

สำหรับเกาหลีใต้ การตอบรับคำเชิญอาจเพิ่มโอกาสให้เกาหลีใต้ขึ้นยืนอยู่แถวหน้าในการแก้วิกฤต Covid-19 ขณะเดียวกันก็อาจทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างเกาหลีใต้กับจีนซับซ้อนยิ่งขึ้น ทั้งๆ ที่เมื่อเร็วๆ นี้เพิ่งจะฟื้นสัมพันธ์กันด้วยการผ่อนคลายการเดินทางเพื่อธุรกิจระหว่างกันในช่วง Covid-19 ระบาด  

ความสัมพันธ์ของเกาหลีใต้กับจีนค่อยๆ ดีขึ้นถึงขั้นที่ประธานาธิบดี สีจิ้นผิง ของจีนมีกำหนดจะเดินทางเยือนเกาหลีใต้ภายในปีนี้ด้วย แต่หลังจากที่เกาหลีใต้หันไปซบสหรัฐ บรรยากาศเหล่านี้อาจเปลี่ยนไป

นอกจากนี้ เมื่อคืนวันศุกร์ที่ผ่านมาเกาหลีใต้และสหรัฐยังนำระบบต่อต้านขีปนาวุธ THAAD มาติดตั้งที่ฐานทัพสหรัฐในจังหวัดคย็องซังเหนือ โดยทางเกาหลีใต้ระบุว่าติดตั้งเพื่อแทนของเดิมที่ปลดออกไป แต่ถึงอย่างนั้นก็สร้างความไม่พอใจให้จีนจนต้องลุกขึ้นมาคัดค้านอีกรอบ

เมื่อ 3 ปีที่แล้ว ความสัมพันธ์ของเกาหลีใต้กับจีนเคยร้าวฉานเพราะการติดตั้ง THAAD มาแล้วครั้งหนึ่ง เนื่องจากจีนกังวลว่าระบบเรดาร์ที่ทรงประสิทธิภาพของ THAAD จะถูกใช้ในการสอดแนมจีน แม้เกาหลีใต้จะยืนยันว่าติดตั้งเพื่อป้องกันการโจมตีจากเกาหลีเหนือก็ตาม

จีนโกรธถึงขั้นบอยคอตทั้งธุรกิจและการท่องเที่ยวของเกาหลีใต้จนเกิดความสูญเสียมหาศาล กรณีที่เห็นชัดเจนคือ เครือล็อตเต้ กรุ๊ป ที่บริจาคที่ดินให้รัฐบาลเกาหลีใต้ใช้ติดตั้ง THAAD

ล็อตเต้ถูกคนจีนแบนจนค้าขายไม่ได้ ต้องปิดห้างสรรพสินค้าและถอนธุรกิจในเครืออื่นๆ ออกจากจีนทั้งหมดทั้งที่ลงทุนมหาศาลในการบุกตลาดจีน และยังกระทบไปถึงภาคการท่องเที่ยวที่นักท่องเที่ยวจีนหายไปจากเกาหลีใต้ถึง 60% และคอนเสิร์ตเคป๊อปที่ถูกทางการจีนแบนทั้งหมด

ดาร์เรน ลิม นักวิจัยด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศจากมหาวิทยาลัยแห่งชาติออสเตรเลียมองว่า การติดตั้ง THAAD ครั้งล่าสุดนี้อาจเป็นเงื่อนไขให้จีนลงดาบเกาหลีใต้ หรือจีนอาจใช้ความสัมพันธ์ทางการทูตมาต่อรองเพื่อยับยั้งไม่ให้เกาหลีใต้เข้าร่วมประชุม G7 ตามที่ทรัมป์เชิญ

นอกจากจะสร้างความไม่พอใจให้จีนแล้ว ดีไม่ดีการตอบรับคำเชิญของทรัมป์ของมุนแจอินอาจเป็นสาเหตุให้คิมจองอึน ผู้นำสูงสุดของเกาหลีเหนือตัดสายฮอตไลน์ที่ทั้งสองเกาหลีใช้สื่อสารกันเมื่อ 2 ปีก่อนเพื่อปรับความสัมพันธ์กัน เพราะระยะหลังความสัมพันธ์ของผู้นำสองเกาหลีไม่หวานชื่นเหมือนเก่า

เรเชล อี อดีตนักวิเคราะห์ผู้เชี่ยวชาญด้านเกาหลีเหนือของสหรัฐมองว่า ความสัมพันธ์ของมุนแจอินกับคิมจองอึนเปลี่ยนไปหลังจากทรัมป์วอล์กเอาท์จากการประชุมสุดยอดกับคิมจองอึนที่กรุงฮานอยของเวียดนามเมื่อต้นปีที่แล้ว เพราะคิมจองอึนเชื่อคำแนะนำของรัฐบาลเกาหลีใต้ว่าการปิดศูนย์วิจัยนิวเคลียร์ยองบยอนจะทำให้สหรัฐพอใจและผ่อนคลายมาตรการคว่ำบาตร แต่เอาเข้าจริงกลับไม่เป็นเช่นนั้น

นับแต่นั้นมาคิมจองอึนก็เมินคำเชิญเจรจาของมุนแจอิน ซ้ำยังทดสอบขีปนาวุธที่มีพิสัยยิงเข้ามาในเกาหลีใต้บ่อยครั้ง

การที่มุนแจอินตกลงเจ้าร่วมการประชุมกับทรัมป์จึงอาจเป็นฟางเส้นสุดท้ายให้คิมจองอึนสะบั้นสายฮอตไลน์ระหว่างกัน

สำหรับเกาหลีใต้ที่อยู่ตรงกลางระหว่างสหรัฐกับจีน ไม่ว่าจะต้องการเลือกข้างอย่างชัดเจนหรือไม่ สถานการณ์ก็บังคับให้เลือกข้างไปเรียบร้อยแล้ว

หลังจากนี้ระเบียบโลกจะเป็นอย่างไรต่อไปคงต้องจับตามองใกล้ชิดชนิดห้ามกะพริบตา