posttoday

เคราะห์ซ้ำกรรมซัด จลาจลในสหรัฐอาจทำให้โควิดระบาดหนักขึ้น

03 มิถุนายน 2563

ถึงแม้ว่าผู้ประท้วงจะสวมหน้ากากป้องกันแต่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงการอยู่ใกล้ชิดกันเกินไปได้

ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่าการชุมนุมขนาดใหญ่และเหตุจลาจลทั่วสหรัฐเพื่อประท้วงการเสียชีวิตของจอร์จ ฟลอยด์อาจทำให้ความพยายามควบคุมการระบาดของโคโรนาไวรัสสายพันธุ์ใหม่ในสหรัฐต้องล้มเหลว

ดร. เคธี่ พาซาเรตตีบอกกับสำนักข่าว NBC News ว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นเหตุปัจจัยที่จะทำให้โควิดระบาดขยายวงไปอีก และบอกว่าเป็นเรื่องที่น่าผิดหวังอย่างมาก

เคชา แลนด์ นายกเทศมนตรีเมืองแอตแลนตากล่าวว่า หากผู้ประท้วงคนไหนออกไปประท้วงในคืนวันก่อน ก็ควรจะไปรับการตรวจการติดเชื้อโควิดในสัปดาห์นี้ เพราะว่าสหรัฐยังคงมีการระบาดใหญ่ เป็นการระบาดที่ฆ่าคนผิวดำและผิวสีน้ำตาลในอัตราที่สูง

ทั้งนี้ จากสถิติที่รวบรวมโดย APM Research Lab พบว่าคนผิวดำเสียชีวิตจากการติดโรคโควิด-19 มากกว่าคนผิวขาวถึง 3 เท่า และจากสถิติในรัฐนิวยอร์กพบว่า พื้นที่ที่มีการเสียชีวิตสูงสุด 8 ใน 10 แห่ง เป็นพื้นที่ที่มีคนผิวดำหรือชาวลาติโนเป็นคนส่วนใหญ่

ดร. เบน ซิงเกอร์ ผู้ช่วยศาสตราจารย์สาขาโรคเกี่ยวกับปอดที่วิทยาลัยแพทยศาสตร์ไฟน์เบิร์ก ในชิคาโกกล่าวกับ NBC News ว่าสาเหตุที่ทำให้คนผิวดำติดโรคมากวก่าคนผิวขาวเพราะคนผิวดำมีสถานะทางเศรษฐกิจที่ด้อยกว่า ทำให้มีความสามารถในการป้องกันตัวจากการติดเชื้อได้น้อยกว่า เนื่องจากปัญหาสุขภาพที่มีอยู่เดิมและปัญหาในการเข้าถึงการดูแลสุขอนามัย ปัญหาเหล่านี้ชัดเจนขึ้นมาเพราะสหรัฐกำลังอยู่ในช่วงของการระบาดใหญา

ดร. เคธี่ พาซาเรตตีบอกว่า แม้ผู้ชุมนุมหลายคนจะสวมหน้ากากอนามัย แต่การรักษาระยะห่างประมาณ 2 เมตรจากคนอื่นๆ เป็นเรื่องที่แทบเป็นไปไม่ได้ระหว่างการชุมนุม

Photo by CHANDAN KHANNA / AFP