ทรัมป์เล็งบล็อก IMFปล่อยเงินกู้ให้อิหร่านสู้โควิด หวั่นใช้ก่อสงครามแทน
สหรัฐจ่อขวาง IMF ปล่อยเงินกู้ 5,000 ล้านดอลลาร์ให้อิหร่าน ด้านอยาตอลเลาะห์จวกทรัมป์ตัวอันตรายกว่าโคโรนาไวรัส
วอลลสตรีทเจอร์นัลรายงานว่า รัฐบาลสหรัฐกำลังพิจารณาแทรกแซงการอนุมัติเงินกู้ฉุกเฉินของกองทุนการเงินระหว่างประเทศหรือ IMF จำนวน 5,000 ล้านดอลลาร์ ตามคำขอของรัฐบาลอิหร่าน เพื่อรับมือกับการระบาดของโควิด-19 ในประเทศ ซึ่งอิหร่านมีผู้ติดเชื้อสะสมกว่า 62,589 เสียชีวิตแล้ว 3,872 ราย ตน ส่งผลให้อิหร่านเป็นหนึ่งในประเทศที่ได้รับผลกระทบจากไวรัสระบาดมากที่สุด
รายงานระบุว่า จากการจับตาอย่างใกล้ชิดของเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงในคณะบริหารทรัมป์พบว่า รัฐบาลเตหะรานยังคงมีเงินในบัญชีนับหลายพันล้าน ซึ่งหาก IMF ให้เงินกู้ก้อนดังกล่าวแก่อิหร่าน สหรัฐหวั่นว่ารัฐบาลเตหะรานจะนำไปใช้ในกิจกรรมด้านเศรษฐกิจซึ่งได้รับผลกระทบจากมาตรการคว่ำบาตร และใช้ในการพัฒนาอาวุธเพื่อก่อการร้าย มากกว่าจะลงไปช่วยเหลือประชาชนด้านสาธารณสุขเพื่อรับมือผลกระทบจากโควิด-19
อย่างไรก็ดี ด้าน IMF ซึ่งเป็นองค์กรที่มีสหรัฐเป็นผู้อุปถัมภ์รายใหญ่ ระบุว่ากำลังอยู่ระหว่างการเจรจากับรัฐบาลเตหะรานเพื่อประเมินถึงศักยภาพด้านการเงินและความสามารถในการชำระเงินกู้ดังกล่าว ซึ่งก่อนหน้าเผชิญการระบาด เศรษฐกิจของอิหร่านเผชิญสภาวะหดตัวจากมาตรการคว่ำบาตรอันเข้มงวดของนานาชาติที่นำโดยสหรัฐ
หลังมีรายงานดังกล่าว ด้านอยาตอลเลาะห์ อาลี คาเมเนอี ผู้นำสูงสุดของอิหร่าน ได้ออกมาทวีตข้อความประณามประธานาธิบดีทรัมป์ว่า เป็นตัวอันตรายยิ่งกว่าไวรัสโคโรนาเสียอีก จากการที่พยายามขัดขวางความพยายามของรัฐบาลในการรับมือกับวิกฤตด้านมนุษยธรรม
The sanction of health items is an illegal & inhumane act & a symbol of #Trump's open hostility to the Iranian people.US opposition to granting #Iran's requested facilities from @IMF to provide items needed to deal with #CoronaVirus is a real case of crimes against humanity.
— ??? ?????? (@alishamkhani_ir) April 5, 2020
ทั้งนี้ รัฐบาลอิหร่านรวมถึงรัฐบาลอีกหลายประเทศทั้งรัสเซีย จีน และสหภาพยุโรป ได้เรียกร้องให้สหรัฐผ่อนคลายมาตรการคว่ำบาตรอิหร่าน เพื่อช่วยเหลือประชาชนที่กำลังลำบากจากไวรัส
อย่างไรก็ดี การตัดสินใจของ IMF ว่าจะอนุมัติเงินกู้หรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับมติของชาติสมาชิก ไม่ได้ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของรัฐบาลวอชิงตันเพียงฝ่ายเดียว