posttoday

นายกสิงคโปร์ ยกระดับคุมโควิดปิดโรงเรียน-ที่ทำงาน หลังติดเชื้อแตะหลักพัน

03 เมษายน 2563

"จะใส่หน้ากาก หรือไม่ใส่หน้ากากก็ตาม คุณจะต้องหมั่นล้างมือบ่อยๆ และเว้นระยะห่างทางสังคมจากผู้อื่น"

เวลา 16.00 น.ตามเวลาท้องถิ่นของสิงคโปร์ของวันที่ 3 เมษายน นายกรัฐมนตรีลีเซียนลุง ได้แถลงผ่านสถานีโทรทัศน์ ประกาศยกระดับมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดของโคโรนาไวรัส ด้วยการสั่งปิดสถานศึกษา และปิดสถานที่ทำงานที่ไม่จำเป็นลงชั่วคราว เหลือไว้เพียงบริการที่จำเป็นอาทิ บริการส่งอาหาร ตลาด ซูปเปอร์มาร์เก็ต คลีนิก โรงพยาบาล ภาคขนส่งโลจิสติก ขนส่งสาธารณะ และภาคธนาคารเท่านั้น หลังจากที่สิงคโปร์พบผู้ติดเชื้อสะสมถึง 1,049 ราย เสียชีวิตแล้ว 5 ราย (ข้อมูลวันที่ 3 เมษายน) 

คำแถลงของผู้นำสิงคโปร์ตอนหนึ่ง ได้อธิบายถึงมาตรการใหม่ที่เรียกว่า "เซอร์กิตเบรกเกอร์" นี้ว่า "หากมองที่แนวโน้มข้างหน้า ผมกังวลว่าหากเราไม่ทำอะไรให้เข้มงวดขึ้น เราอาจเห็นแหล่งระบาดใหญ่กลุ่มใหม่อีกเรื่อยๆ ซึ่งจะผลักดันให้สถานการณ์แย่ลง"

มาตรการเซอร์กิตเบรกเกอร์ของรัฐบาลสิงคโปร์ครอบคลุมถึงการให้ภาคธุรกิจเอกชนปิดสถานที่ทำงาน โดยให้พนักงานทำงานที่บ้านทั้งหมด นักเรียนนักศึกษาให้ใช้การเรียนผ่านออนไลน์ หลังคำสั่งปิดโรงเรียนมีผลบังคับใช้ ทั้งยังรวมถึงให้กองกำลังทหารออกมาประจำการควบคุมสถานการณ์ทั่วทั้งเมืองเพื่อความสงบเรียบร้อย อย่างไรก็ดี สถานศึกษาประเภทเนสเซอรีจะยังให้บริการเป็นรายกรณี เฉพาะผู้ปกครองซึ่งไม่สามารถหยุดงานหรือทำงานที่บ้านเพื่อเลี้ยงดูบุตรหลานได้

มาตรการดังกล่าวจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่สัปดาห์หน้า หรือหลังจากคืนวันอาทิตย์ (5เมษายน)เป็นต้นไป และอาจใช้มาตรการนี้เป็นเวลา 1 เดือน โดยผู้ที่ทำงานในภาคธุรกิจบริการที่จำเป็นตามข้างต้นยังคงออกไปทำงานได้ตามปกติ แต่ให้เว้นระยะห่างทางสังคมมากขึ้น

ในแง่ของการเว้นระยะห่างทางสังคม นายกสิงคโปร์ได้ร้องขอให้ประชาชนหลีกเลี่ยงการเดินทางเยี่ยมญาติที่ไม่ได้อยู่บ้านเดียวกัน การออกจากเคหะสถานให้เป็นไปเฉพาะเรื่องจำเป็นเช่น ออกไปซื้ออาหาร ของใช้จำเป็น การพบแพทย์ การออกกำลังกายยังสวนใกล้บ้าน 

ทั้งนี้ นายกลีกล่าวทิ้งท้ายอีกว่า "จะใส่หน้ากาก หรือไม่ใส่หน้ากากก็ตาม คุณจะต้องหมั่นล้างมือบ่อยๆ และเว้นระยะห่างทางสังคมจากผู้อื่น"