ฝูงตั๊กแตนนับแสนล้านตัวถล่มแอฟริกาเหตุเพราะอากาศโลกแปรปรวน
ตั๊กแตนหนึ่งฝูงในเคนยา กินพื้นที่ประมาณ 2,400 ตารางกิโลเมตร หรือพื้นที่เกือบขนาดของกรุงมอสโก
ผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่าฝูงตั๊กแตนนับพันล้านที่บินผ่านแอฟริกาตะวันออก เป็นผลมาจากสภาพอากาศแปรปรวนรุนแรง และเป็นหายนะของภูมิภาคนี้ที่ยังคงมีปัญหาจากภัยแล้งและอุทกภัยร้ายแรง
ฝูงตั๊กแตนที่รวมตัวกันเหมือนเมฆหมอกกลุ่มใหญ่และหิวกระหายอย่างหนัก แพร่กระจายจากเอธิโอเปียและโซมาเลียไปยังเคนยา ถือเป็นภัยคุกคามต่อภูมิภาคนี้ที่เลวร้ายที่สุดในรอบหลายทศวรรษ
Photo by TONY KARUMBA / AFP
องค์การอาหารและเกษตรแห่งสหประชาชาติ (FAO) ประมาณการว่า ตั๊กแตนหนึ่งฝูงในเคนยา กินพื้นที่ประมาณ 2,400 ตารางกิโลเมตร หรือพื้นที่เกือบขนาดของกรุงมอสโก ซึ่งหมายความว่าในพื้นที่นี้สามารถมีตั๊กแตนได้ถึง 200,000 ล้านตัว ทุกวันๆ วันแต่ละตัวกินอาหารเท่ากับน้ำหนักของตัวเอง
การโจมตีของตั๊กแตนในเอธิโอเปียและโซมาเลียครั้งนี้ รุนแรงที่สุดในรอบ 25 ปี และเลวร้ายที่สุดในเคนยาในรอบ 70 ปีตามรายงานของ FAO
Photo by TONY KARUMBA / AFP
หากไม่มีการสกัดกั้น จำนวนตั๊กแตนสามารถเติบโตได้ 500 เท่าภายในเดือนมิถุนายนปีนี้ และจะแพร่กระจายไปยังยูกันดาและซูดานใต้ กลายเป็นการระบาดที่จะทำลายพืชผลและทุ่งหญ้าเลี้ยงสัตว์ในภูมิภาคซึ่งเป็นหนึ่งในประเทศที่ยากจนที่สุดและอ่อนแอที่สุดในโลก
Guleid Artan จากกลุ่มผู้เชี่ยวชาญระดับภูมิภาคในการพยากรณ์สภาพภูมิอากาศและศูนย์ประยุกต์ (ICPAC) กล่าวกับงานแถลงข่าวในกรุงไนโรบี ว่า ปรากฎการณ์นี้อาจก่อให้เกิดปัญหาความมั่นคงด้านอาหารที่สำคัญ
Photo by TONY KARUMBA / AFP
Artan บอกว่าตั๊กแตนเป็นสัญญาณล่าสุดของสภาพอากาศเลวร้ายที่เริ่มเด่นชัดในปี 2562 เริ่มต้นด้วยความแห้งแล้งและสิ้นสุดใด้วยภาวะฝนตกชุกที่สุดในรอบสี่ทศวรรษ ทำให้เกิดน้ำท่วมทำให้มีผู้เสียชีวิตนับร้อยทั่วแอฟริกาตะวันออก
Artan ยังกล่าวว่าการบุกรุกของตั๊กแตนเกิดขึ้นหลังจากเกิเดความแปรปรวนของสภาพอากาศมานานหลายปี ซึ่งรวมถึงพายุไซโคลนที่เกิดขึ้นถึง 8 ลูกในแอฟริกาตะวันออก เป็นอัตราที่มากที่สุดภายในปีเดียวตั้งแต่ปี 1976
Photo by TONY KARUMBA / AFP
สาเหตุมาจากมหาสมุทรอินเดียตะวันตกที่อบอุ่นขึ้น สภาพภูมิอากาศนี้เรียกว่า Indian Ocean Dipole ซึ่งก่อให้เกิดความแห้งแล้งอย่างรุนแรงในประเทศออสเตรเลียที่กำลังประสบกับภาวะอภูมิอากาศสุดขั้วคือไฟป่าและพายุฝุ่นในขณะนี้
Photo by TONY KARUMBA / AFP
Photo by TONY KARUMBA / AFP
Photo by TONY KARUMBA / AFP
Photo by TONY KARUMBA / AFP
Photo by TONY KARUMBA / AFP