posttoday

ฝรั่งเศสนับวันยิ่งอยู่ยาก คนเอเชียถูกทำร้ายไม่หยุดหย่อน

22 ธันวาคม 2562

มีสาเหตุมาจากการเหยียดเชื้อชาติ และความเชื่อที่ผิดเกี่ยวกับนักท่องเที่ยวที่มาเที่ยวฝรั่งเศสจะต้องเป็นคนรวย

สำนักข่าว AFP  รายงานว่า คนเอเชียที่อาศัยอยู่ในฝรั่งเศส กำลังเผชิญกับกระแสต่อต้านและการถูกทำร้าย แต่พวกเขากลับถูกทอดทิ้งไม่ได้รับการเหลียวแลจากทั้งเจ้าหน้าที่บ้านเมืองและคนในสังคม

หนึ่งในนั้นคือ หมิง ซึ่งเล่าว่าขณะที่เธอกำลังขึ้นรถบัสในเขตชานเมืองของปารีส ในเขตวาล - เดอ - มาร์น มีชายสวมหน้ากากพยายามฉีกกระเป๋าถือของเธอ เมื่อเธอขัดขืนคนร้ายก็ทุ่มเธอลงไปที่พื้นและทุบตีเธอจนหมดสติ

หมิงกระดูกหักถึง 2 แห่งและยังหวาดกลัวอย่างหนักจนไม่สามารถทำงานเป็นเวลาสามสัปดาห์ นี่เป็นเพียงเหตุการณ์เดียวเท่านั้น ยังมีชาวเอเชียทั้งชายและหญิงอีกเป็นจำนวนมากถูกทำร้ายมากขึ้นเรื่อยๆ ในฝรั่งเศส

นักรณรงค์กังวลว่าการโจมตีดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของการใช้ความรุนแรงที่มีเป้าหมายที่คนเชื้อสายเอเชีย โดยมีสาเหตุมาจากการเหยียดเชื้อชาติ และความเชื่อที่ผิดเกี่ยวกับนักท่องเที่ยวที่มาเที่ยวฝรั่งเศสว่าจะต้องเป็นคนรวย

แต่ไม่ใช่ทุกคนที่เป็นคนรวย หมิง บอกเล่าเรื่องราวนี้โดยใช้นามแฝงเพราะเธอยังคงกลัวเรื่องความปลอดภัยของเธอ เธอเผยว่าเหตุการณ์ครั้งนั้นกระเป๋าของเธอถูกชิงไปแม้ว่ามันจะมีเงินแค่สองสามยูโรและบัตรประจำตัวประชาชนของเธอเท่านั้น แต่เธอถูกทำร้ายอย่างหนักทั้งร่างกายและจิตใจ หญิงเอเชียวัย 41 ปีบอกว่าเธอพยายามดิ้นรนเพื่อเอาชนะคนร้าย เพราะรู้สึกโกรธและรู้สึกสิ้นหวัง

"ทำไมต้องเป็นฉัน? ฉันไม่มีเงินเลย ไม่มีเครื่องประดับ ไม่มีอะไรเลย ทำไมถึงต้องทำรุนแรงแบบนี้"

การทำร้ายคนเอเชียกลายเป็นที่สนใจของสังคมขึ้นมา หลังการเสียชีวิตของช่างตัดเสื้อชื่อ จางเฉาหลิน ทางตอนเหนือของปารีสในปี 2559  

จาง วัย 49 ปี คุณพ่อของลูกวัยสองขวบ กำลังเดินทางไปยังร้านอาหารในย่านชานเมืองของปารีส แต่ขณะนั้นเองเขาถูกวัยรุ่นสองคนทำร้ายอย่างรุนแรงจนเสียชีวิต ทั้งๆ ที่จางมีของติดตัวแค่สายชาร์จโทรศัพท์กับขนมหวาน คนร้ายถูกจำคุกในปี 2561

การโจมตีคนเอเชียมักมุ่งเป้าไปที่นักท่องเที่ยวชาวจีนและเจ้าของธุรกิจขนาดเล็กในเขตชานเมืองของฝรั่งเศส แต่กรณีของจางทำให้เกิดการประท้วงครั้งใหญ่ต่อผู้ประท้วงที่เรียกร้องให้มีการต่อต้านการเหยียดเชื้อชาติในเอเชียในชุมชนฝรั่งเศสที่ยากจน

“เพราะการตายของเฉาหลิน เราจึงตระหนักว่ามีปัญหาเรื่องนี้ แต่คาดไม่ถึงว่าจะรุนแรงถึงขนาดนี้” ซุนไหลตันโฆษกกลุ่ม Security for Everyone กลุ่มชุมชนในเขตวาล - เดอ - มาร์น กล่าว

เนื่องจากฝรั่งเศสห้ามเก็บสถิติเกี่ยวกับเชื้อชาติ จึงไม่มีข้อมูลอย่างเป็นทางการเกี่ยวกับการโจมตีต่อคนเชื้อชาติต่างๆ ที่เกิดขึ้นแต่ผู้รณรงค์บอกว่าพวกเขาเริ่มเห็นแนวโน้มการโจมตีคนเอเชียเป็นพิเศษ และเหยื่อผู้เคราะห์ร้ายมักเป็นผู้หญิงหรือผู้สูงอายุ ผู้ลงมือจะจับตาเป้าหมายตามท้องถนน จากนั้นติดตามมาถึงพื้นที่ลับตาแล้วค่อยถูกโจมตี

“เหยื่อตกเป็นเป้าหมายเพราะพวกเขาเป็นชาวเอเชีย” ซุนไหลตันกล่าวและย้ำว่า "ไม่ต้องสงสัยเลย" ว่าการโจมตีนั้นมีสาเหตุมูลฐานมาจากการเหยียดเชื้อชาติ  

การที่ฝรั่งเศสไม่เก็บข้อมูลโดยการแบ่งแยกเชื้อชาติในคดีอาชญากรรม ทำให้ตำรวจเพียงแค่รับคดีไปเท่านั้นแบะบันทึกแบบกว้างๆ ไม่ได้ระบุเจาะจง โดยตำรวจบันทึกว่ามีการทำร้าย 114 ครั้งระหว่างเดือนพฤษภาคม 2561  - พฤษภาคม 2562 ซึ่งเท่ากับว่าทีการโจมตีคนเอเชีย 1 ครั้งทุกๆ 3 วันส่วนใหญ่อยู่ในพื้นที่วาล - เดอ - มาร์น

แต่นักรณรงค์กลัวว่าปัญหาจะแพร่หลายและกล่าวหาเจ้าหน้าที่ยังเพิกเฉยต่อการเหยียดเชื้อชาติแบบนี้

หลายคนที่ถูกทำร้ายไม่ได้แจ้งความ อีกทั้งยังกลัวการล้างแค้นจากคนร้าย นอกจากนี้บางคนยังอายหรือเพราะไม่มีใบอนุญาตให้อาศัยอย่างถูกต้อง

“การติดต่อกับคนที่ถูกทำร้ายนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะผู้ที่ตกเป็นเหยื่อรู้สึกโดดเดี่ยวและไม่ทราบว่าคนอื่นกำลังถูกทำร้ายเหมือนกัน” เลติเชีย ชิว หัวหน้าสมาคมเยาวชนจีนในฝรั่งเศส (AJCF) กล่าว

โรแบร์ ณ จำปาศักดิ์ (Robert Na Champassak) กล่าวว่าเขาได้เข้าร่วม Security for Everyone ซึ่งช่วยเหลือผู้ที่ตกเป็นเหยื่อในการต่อสู้ทางกฎหมาย และนำคนร้ายเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมเพื่อแก้ไขอุปสรรคที่ขัดขวางไม่ให้แก้ปัญหานี้

แม่วัย 64 ปีของโรแบร์ ณ จำปาศักดิ์  เสียชีวิตจากโรคหลอดเลือดสมองแตก 18 วันหลังจากถูกทำร้ายในระหว่างทางไปเรียนเต้นในปี 2560

ในขณะที่แพทย์ไม่ได้ทำการเชื่อมโยงสาเหตุระหว่างการโจมตีและโรคหลอดเลือดสมอง แต่โรแบร์ ณ จำปาศักดิ์ เชื่อมั่นว่าการถูกทำร้ายเป็นต้นเหตุที่ทำให้สุขภาพของแม่ทรุดลง

“แม่ของผมชอบการใช้ชีวิต แต่หลังจากการโจมตีแม่ไม่อยากที่จะออกไปข้างนอก แม่ไม่เหมือนเดิมอีก” โรแบร์ ณ จำปาศักดิ์ กล่าว

เมื่อสำนักข่าว AFP สอบถามความคิดเห็นตำรวจและเจ้าหน้าที่สำนักเทศบาลเมืองกล่าวว่าพวกเขาติดตามปัญหาอย่างใกล้ชิด

อัยการของเขตวาล - เดอ - มาร์น อธิบายว่าพวกเขาดำเนินคดีการเหยียดเชื้อชาติให้มากเท่าที่พวกเขาจะทำได้ โดยมีถึง 19 คดีจาก 22 กรณีการทำร้ายร่างกายคนเอเชียที่เกิดขึ้นในเดือนพฤษภาคม

เจ้าหน้าที่ตำรวจคนหนึ่งกล่าวว่าการทำร้ายประชาชนชาวเอเชียอาจเป็นธรรมเนียมในการพิสูจน์ตัวเองก่อนที่จะเข้าแก๊ง และพวกสมาชิกแก๊งที่เป็นเยาวชนเชื่อว่าชาวเอเชียมักจะมีเงินจำนวนมาก

ตำรวจนายนี้ไม่ยอมเปิดเผยชื่อ แต่เสริมว่า “สำหรับพวกเขา (สมาชิกแก๊ง) มันเป็นเกมการเดิมพันอย่างหนึ่ง ซึ่งทำให้บ่อยครั้งการทำร้ายมีความรุนแรงมาก”

อย่างไรก็ตาม เลติเชีย ชิว หัวหน้าสมาคมเยาวชนจีนในฝรั่งเศส (AJCF) กล่าวว่า ตอนนี้มีความคืบหน้าขึ้นมาแล้ว โดยจะเปิดตัวโครงการนำร่องในโรงเรียนทั่วภูมิภาคปารีส เพื่อทำลายทัศนคติการเหยียดเชื้อชาติโดยจัดขึ้นร่วมกับสมาคม SOS Racism  

แต่นักรณรงค์รู้สึกไม่พอ และผลักดันให้เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นติดตั้งกล้องวงจรปิดและติดตามผู้กระทำผิด

“การป้องกันเป็นสิ่งจำเป็น แต่การจับกุมและพิจารณาคดีคนร้ายก็มีความสำคัญต่อผู้ที่ตกเป็นเหยื่อเหมือนกัน” ซุนไหลตัน กล่าว

แปลและเรียบเรียงจาก Anti-Asian assaults a 'neglected' plight in France โดยสำนักข่าว AFP