posttoday

กลุ่มเฟียต-เปอร์โยต์ ประกาศควบรวมกิจการ

18 ธันวาคม 2562

ค่ายรถสัญชาติฝรั่งเศส-อิตาลี จับมือควบรวมกิจการ จ่อขึ้นแท่นบริษัทยานยนต์ใหญ่เบอร์สี่ของโลก

ค่ายรถสัญชาติฝรั่งเศส-อิตาลี จับมือควบรวมกิจการ จ่อขึ้นแท่นบริษัทยานยนต์ใหญ่เบอร์สี่ของโลก

PSA กรุ๊ป ผู้ผลิตรถยนต์เปอร์โยต์ของฝรั่งเศส และกลุ่ม Fiat-Chrysler Automobiles (FCA) ผู้ผลิตรถยนต์สัญชาติอิตาลี-สหรัฐ ประกาศเห็นชอบการควบรวมกิจการแล้ว ซึ่งจะส่งผลให้การรวมกิจการของสองยักษ์ใหญ่ยานยนต์ครั้งนี้ ขึ้นแท่นเป็นบริษัทยานยนต์ใหญ่อันดับ 4 ของโลกในแง่การผลิต และเป็นอันดับ 3 ของโลกในแง่รายได้

คำแถลงร่วมกันของทั้ง PSA และ FCA ระบุว่า ในวันนี้ ได้ลงนามข้อตกลงควบรวมธุรกิจในแบบ 50/50 เพื่อกลายเป็นผู้ผลิตยานยนต์แบบดั่งเดิมที่มีกำลังการผลิตใหญ่เป็นอันดับ 4 ของโลก และมีรายได้เป็นอันดับ 3 ของโลก โดยการควบรวมนี้จะไม่มีการปิดกิจการของโรงงานทั้งสองฝ่าย และว่าการควบรวมกิจการครั้งนี้จะทำให้บริษัทใหม่มีทรัพยากรและความเป็นผู้นำในแถวหน้าของอุตสาหกรรมยานยนต์แบบยั่งยืนในอนาคต

คาดว่ากระบวนการควบรวมจะเสร็จสิ้นภายใน 12-15 เดือนนับจากนี้ โดยส่งผลให้บริษัทใหม่หลังการควบรวมกิจการ ขึ้นแท่นผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่อันดับ 4 ของโลก ต่อจากอันดับหนึ่งคือ กลุ่มเรโนต์นิสสันมิตซูบิชิ ตามด้วย โตโยต้า และโฟล์คสวาเกน ตามลำดับ ด้วยพนักงานของกลุ่ม PSA-FCA ที่รวมกันมากกว่า 400,000 คน รายได้รวมเกือบ 170,000 ล้านยูโร่ และยอดขายต่อปีประมาณ 8.7 ล้านคัน ภายใต้รถยนต์หลากหลายแบรนด์ทั้ง Fiat, Alfa Romeo, Chrysler, Citroen, Dodge, DS, Jeep, Lancia, Maserati, Opel, Peugeot และ Vauxhall

การควบรวมกิจการของกลุ่ม PSA-FCA นับว่าสวนทางต่ออุตสาหกรรมยานยนต์ของโลก โดยเฉพาะในเยอรมนี ประเทศผู้นำยานยนต์โลก จากการที่ก่อนหน้านี้บริษัทยานยนต์ของเยอรมนีหลายแห่ง ทั้ง Audi, Daimler, และ Volkswagen ประกาศลดพนักงานเพื่อปรับโครงสร้างองค์กรในการเปลี่ยนผ่านสู่เทคโนโลยีรถยนต์พลังงานไฟฟ้า

ซีอีโอกลุ่มเฟียต เชื่อว่าการรวมมือของสองบริษัทที่มีแบรนด์อันแข็งแกร่งจะช่วยให้สามารถเปลี่ยนผ่านสู่อุตสาหกรรมยานยนต์พลังงานสะอาดในอนาคตได้อย่างยั่งยืน

อย่างไรก็ดี การควบรวมกิจการครั้งนี้อาจไม่ใช้ "เวลาที่เหมาะสม" ของทั้งสองบริษัท เนื่องจากสำหรับกลุ่มเฟียตนั้น มีตลาดรถยนต์ส่วนใหญ่ในสหรัฐ โดยคิดเป็นมากกว่า 2 ใน 3 ของรถยนต์ที่บริษัทจำหน่ายล้วนอยู่ในตลาดสหรัฐ และไม่ควรเสี่ยงต่อความไม่แน่นอนของการนโยบายเปลี่ยนแปลงกฎระเบียบด้านพลังงานภายใต้คณะบริหารของประธานาธิบดีทรัมป์ ประกอบกับตลาดรถยนต์ไฟฟ้าในสหรัฐกำลังเติบโตภายใต้การนำของเทสล่าและอีกหลายแบรนด์ที่กำลังแข่งขันอย่างดุเดือด

ส่วนกลุ่มเปอร์โยต์นั้น กำลังเผชิญปัจจัยด้านลบจากตลาดรถยนต์ในยุโรปที่ชะลอตัว แม้ว่าจะขยายตลาดไปยังจีน แต่ก็ยังขาดความแข็งแกร่งในตลาดจีนซึ่งถือเป็นตลาดรถยนต์ที่ใหญ่สุดในโลก