posttoday

ส.ส.สหรัฐโหวตเดินหน้าถอดถอนทรัมป์

01 พฤศจิกายน 2562

สภาผู้แทนฯสหรัฐลงมติ 232 ต่อ 196 เสียง เดินหน้าไต่สวนเพื่อเปิดญัตติถอดถอนประธานาธิบดีทรัมป์

สภาผู้แทนฯสหรัฐลงมติ 232 ต่อ 196 เสียง เดินหน้าไต่สวนเพื่อเปิดญัตติถอดถอนประธานาธิบดีทรัมป์

เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 31 ต.ค. ตามเวลาท้องถิ่นกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. สภาผู้แทนราษฏรสหรัฐซึ่งมีพรรคเดโมแครตครองเสียงข้างมากได้ลงคะแนนเสียงข้างมาก 232 ต่อ 196 เสียง เดินหน้ากระบวนการไต่สวนและเปิดอภิปรายเพื่อนำไปสู่กระบวนยื่นญัตติถอดถอนประธานาธิบดีทรัมป์ออกจากตำแหน่ง โดยในจำนวนเสียงคัดค้านนอกจากจะมีส.ส.รีพับลิกกันแล้ว ยังมีส.ส. ของพรรคเดโมแครตร่วมออกเสียงคัดค้านด้วยสองคน

นางแนนซี่ เปโลซี่ ประธานสภาผู้แทนราษฏรสหรัฐ และแกนนำเดโมแครตกล่าวว่า "ถึงเวลาแล้วที่เราทุกคนในสภาแห่งนี้ จะต้องพิทักษ์และปกป้องรัฐธรรมนูญแห่งสหรัฐ

ไม่มีใครที่สมัครเข้ามาทำงานในสภาเพื่อตั้งใจจะถอดถอนประธานาธิบดี เว้นเสียแต่ว่าการทำงานของผู้นำฝ่ายบริหารของสหรัฐฯ นั้นสร้างความเสื่อมเสียและขัดต่อการให้สัตย์ปฏิญาณเรื่องการทำหน้าที่โดยชอบธรรม

 

ส.ส.สหรัฐโหวตเดินหน้าถอดถอนทรัมป์

... วิสัยทัศน์ของบิดาแห่งชาติของเรา ซึ่งประกาศอิสรภาพและก่อตั้งประเทศนี้ขึ้นมาก็เพื่อปกป้องหลักการแห่งเสรีภาพ รวมถึงคนหนุ่มสาวที่ต่อสู้เพื่อปกป้องประชาธิปไตยและธงชาติสหรัฐ ... มาตรการที่ 2 แห่งรัฐธรรมนูญแม้จะให้อำนาจต่อประธานาธิบดี แต่เราก็มีกระบวนการตรวจสอบ รวมถึงคำสาบานตนต่อรัฐธรรมนูญ .. นั่นทำให้เราเป็นประชาธิปไตย สิ่งที่เป็นเดิมพันทั้งหมดครั้งนี้ไม่มีอะไรมากไปกว่าการปกป้องประธาธิปไตย"

ด้านประธานาธิบดีทรัมป์ได้ทวิตข้อความที่โจมตีเดโมแครตว่า "เป็นการล่าแม่มดครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของสหรัฐ"

ขั้นตอนหลังจากนี้คือคณะกรรมาธิการคองเกรสจะเปิดห้มีการไต่สวนเรื่องการถอดถอนประธานาธิบดีสหรัฐออกจากตำแหน่งอย่างเต็มรูปแบบได้อย่างเปิดเผยต่อสาธารณชน

ก่อนหน้านี้มีนักการทูตสหรัฐและเจ้าหน้าที่หลายคน ไปแถลงให้ข้อมูลต่อคณะกรรมาธิการสภาผู้แทนเกี่ยวกับกรณียูเครน ซึ่งล่าสุดคือนายทิม มอร์ริสัน อดีตเจ้าหน้าที่ระดับสูงของสภาความมั่นคงแห่งชาติ ได้เข้าให้การต่อคณะกรรมาธิการคองเกรสโดยระบุหลักฐานชัดเจนว่า ทรัมป์ได้พยายามตั้งเงื่อนไขการสนับสนุนทางทหารต่อยูเครน จากกรณีพยายามกดดันให้ยูเครนดำเนินการทางกฎหมายต่อลูกชายนายโจไบเดนจริง โดยหลังจากนี้นายจอห์น โบลตัน อดีตที่ปรึกษาความมั่นคงของทรัมป์จะเข้าให้การเป็นรายต่อไป

เหตุที่สภาสหรัฐเดินทางกระบวนการถอดถอนทรัมป์เนื่องจาก พบหลักฐานที่เชื่อได้ว่าทรัมป์พยายามใช้อำนาจของตนในฐานะประธานาธิบดีกดดัน ประธานาธิบดีโวโลดิเมียร์ เซเลนสกี ผู้นำยูเครน ให้ดำเนินคดีทางกฎหมายต่อบุตรชายนายโจ ไบเดน ซึ่งทำธุรกิจอยู่ในยูเครน เพื่อแลกกับผลประโยชน์ทางการเมือง ซึ่งนายไบเดนถือเป็นคู่แข่งทางการเมืองของทรัมป์ในการชิงเก้าอี้ผู้นำสหรัฐในปี 2020