posttoday

มาเลย์ตื่นข่าวเวียดนามแซงหน้า โวยคนในประเทศมัวแต่ทะเลาะกัน

22 กันยายน 2562

หนึ่งในความเห็นของชาวมาเลเซียบอกว่า สักวันหนึ่งในอนาคตอันใกล้ เราจะกลายเป็นคนรับใช้ของประเทศเพื่อนบ้านเรา

 

กรณีที่สำนักข่าว News and World Report ของสหรัฐ ทำการจัดอันดับประเทศที่น่าลงทุนที่สุดในโลก ปรากฎว่า เวียดนามอยู่ในอันดับที่ 8 จากทั้งหมด 29 ประเทศ ซึ่งสูงที่สุดในอาเซียน แซงหน้าทั้งไทย มาเลเซีย และสิงคโปร์ ทำให้ชาวมาเลเซียพากันถกเถียงประเด็นนี้อย่างดุเดือดว่า เวียดนามกำลังจะแซงหน้ามาเลเซียไปแล้วหรือไม่

ข่าวดังกล่าวถูกเผยแพร่ในมาเลเซียโดยสำนักข่าวแห่งชาติ Bernama และต่อมาสื่อท้องถิ่นรายงานต่อเนื่อง และมีผู้แสดงความเห็นต่างๆ นานา เช่น ลิมกิตเซียง (Lim Kit Siang) แกนนำพรรคร่วมรัฐบาลของมาเลเซีย และนักเคลื่อนไหวทางการเมืองผู้ทรงอิทธิพล ที่เขียนบทความใน Malaysiakini หนึ่งในสื่อยอดนิยมของมาเลเซียว่า

"ข่าวนี้น่าจะเป็นการเรียกร้องให้มาเลเซียและชาวมาเลเซียทุกคน ตั้งคำถามว่าแทนที่จะเป็นเวียดนาม ทำไมจึงไม่ใช่มาเลเซียที่อยู่ในอันดับนี้ ... น่าเสียดายที่ชาวมาเลเซียมัวแต่หมกมุ่นในเรื่องเชื้อชาติและศาสนา ที่ครอบงำสื่อโซเชียลในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา โดยมีข่าวปลอมและคำพูดแสดงความเกลียดชัง

ลิมกิตเซียง เรียกร้องให้เพื่อนร่วมชาติหยุดแพร่ข่าวปลอมและคำพูดแสดงความเกลียดชังเป็นเวลา 10 ปี เพื่อให้ชาวมาเลเซียทุ่มเทผลักดันให้ประเทศเป็นประเทศชั้นนำระดับโลกในทศวรรษหน้า นอกจากนี้ แทนที่จะต่อสู้และแข่งขันซึ่งกันและกัน ชาวมาเลเซียควรแข่งขันกับประเทศอื่นๆ ในโลก

ความเห็นนี้สะท้อนถึงความขัดแย้งด้านเชื้อชาติที่เป็นปัญหาฝังลึกในมาเลเซีย ซึ่งให้สิทธิคนเชื้อสายมลายูมากว่าคนเชื้อสายจีนและอินเดีย และในเวลานี้ยังเกิดการแพร่ข่าวปลอมเพื่อจุดประเด็นความขัดแย้งระหว่างชาวมลายูและคนเชื้อชาติอื่นๆ 

ส่วนในโลกโซเชียล หนึ่งในความเห็นยอดนิยมในเฟซบุ๊คของสำนักข่าว Malaysiakini เช่น Mohd Shamsuddin Zahid Sopian (เชื้อสายมลายู) ที่บอกว่า "การเมืองแบบของเราจะทำให้เราไปไหนไม่ได้ เราหมกมุ่นกับเรื่องเชื้อชาติและศาสนา จนไม่สำคัญแล้วว่าเราจะกินอะไร" 

อีกความเห็นหนึ่งของ Ks Saanthiran Kolandasawmy (เชื้อสายอินเดีย) บอกว่า "สักวันหนึ่งในอนาคตอันใกล้ เราจะกลายเป็นคนรับใช้ของประเทศเพื่อนบ้านเรา"

ส่วน Lee Seng Poh (เชื้อสายจีน) บอกว่า "จริงที่สุด เราช้าเกินไปและยุ่งกับเรื่องที่ไม่จำเป็น วนเวียนอยู่กับเรื่องเชื้อชาติ ศาสนา และภาษา มีชนชั้นนำเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่ได้รับประโยชน์จากสถานการณ์ปัจจุบัน นี่มันก็นานเกินไปแล้ว หวังว่าเรื่องไร้สาระเหล่านี้จะลดลงในที่สุด"