posttoday

ซากอารยธรรมโบราณที่สาบสูญไป 3,400 ปี ผุดกลางแม่น้ำในอิรัก

29 มิถุนายน 2562

ภัยแล้งในอิรักส่งผลให้พระราชวังโบราณจากอารยธรรมที่สาบสูญโผล่ขึ้นกลางแม่น้ำไทกริส

ภัยแล้งในอิรักส่งผลให้พระราชวังโบราณจากอารยธรรมที่สาบสูญโผล่ขึ้นกลางแม่น้ำไทกริส

สื่อต่างประเทศรายงานว่า ทีมนักโบราณคดีได้เข้าสำรวจซากอารยธรรมโบราณซึ่งโผล่ขึ้นหลังจากที่ระดับน้ำในอ่างเก็บน้ำเหนือเขื่อนโมซุลที่กั้นแม่น้ำไทกริสลดลงสืบเนื่องจากสถานการณ์ภัยแล้งที่อิรักกำลังเผชิญอยู่ในขณะนี้

มหาวิทยาลัยทือบิงเงินได้เปิดเผยเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมาว่า ทีมนักโบราณคดีชาวเยอรมันและชาวเคิร์ดได้เข้าตรวจสอบและเก็บข้อมูลซากอารยธรรมดังกล่าว เบื้องต้นสันนิฐานว่าอาจเป็นซากของพระราชวังโบราณในสมัย Mittani Empire ซึ่งเป็นอารยธรรมโบราณที่สาบสูญไปเมื่อกว่า 3,400 ปีก่อนหรือตรงกับยุคสัมฤทธิ์

ซากอารยธรรมโบราณที่สาบสูญไป 3,400 ปี ผุดกลางแม่น้ำในอิรัก

"การค้นพบครั้งนี้เป็นหนึ่งในการค้นพบทางโบราณคดีที่สำคัญที่สุดของภูมิภาค ในช่วงไม่กี่ทศวรรษที่ผ่านมาและแสดงให้เห็นถึงความสำเร็จของความร่วมมือระหว่างทีมโบราณคดีของเคิร์ดและเยอรมนี" นักโบราณคดีชาวเคิร์ด Hasan Ahmed Qasim กล่าว

สำหรับจักรวรรดิ Mittani เป็นหนึ่งในอาณาจักรโบราณที่เคยปกครองดินแดนทางเหนือของเมโสโปเตเมีย ไปจนถึงประเทศซีเรียในปัจจุบัน จักรวรรดิMittani เป็นหนึ่งในอารยธรรมที่สาบสูญและมีนักโบราณคดีน้อยคนที่จะทราบถึงประวัติศาสตร์ของอาณาจักรแห่งนี้

ซากอารยธรรมโบราณที่สาบสูญไป 3,400 ปี ผุดกลางแม่น้ำในอิรัก

จักรวรรดิ Mittani เป็นหนึ่งในอาณาจักรที่มีการวิจัยน้อยที่สุด เนื่องจากข้อมูลหลายอย่างยังไม่ชัดเจนและยังคงเป็นปริศนาอยู่เพราะยังไม่ถูกค้นพบแหล่งโบราณคดีที่เกี่ยวข้องกับจักรวรรดิแห่งนี้มากนัก

ซากอารยธรรมโบราณที่สาบสูญไป 3,400 ปี ผุดกลางแม่น้ำในอิรัก

อย่างไรก็ดี เขื่อนโมซุลซึ่งถูกสร้างขึ้นเมื่อช่วงปี 1980 ได้ส่งผลให้ระดับน้ำในแม่น้ำไทกริสตอนบนเพิ่มสูงขึ้น เพื่อเป็นแหล่งกักเก็บน้ำของอิรักและภูมิภาคเคิร์ด ต่อมาช่วงปี 2010 มีการค้นพบซากพระราชวังแห่งนี้แต่นักโบราณคดีไม่สามารถขุดหาหลักฐานทางประวัติศาสตร์ได้ เนื่องจากจมอยู่ใต้แม่น้่ำ กระทั่งเมื่อช่วงฤดูใบไม้ร่วงที่ผ่านมา ระดับน้ำในแม่น้ำลดลงอันเนื่องจากภัยแล้ง

ซากอารยธรรมโบราณที่สาบสูญไป 3,400 ปี ผุดกลางแม่น้ำในอิรัก

รายงานระบุว่า นักโบราณคดีได้อาศัยช่วงระดับน้ำลดครั้งนี้ เข้าตรวจสอบซากพระราชวังดังกล่าว พร้อมกับมีการเก็บเศษแผ่นดินเหนียวที่จารึกอักษรโบราณได้ราว 10 แผ่น ขึ้นมาเพื่อศึกษาข้อมูลต่อไปก่อนที่ระดับน้ำจะเพิ่มสูงจนท่วมโบราณสถานแห่งนี้อีกครั้ง

ภาพ : University of Tübingen